Showing posts with label Joy of Eating. Show all posts
Showing posts with label Joy of Eating. Show all posts

Monday, November 4, 2013

อร่อยซอยสุขุมวิท 31: Sweet Pista Bangkok ...อร่อย ไม่จำกัดเมนู!

ถ้าถามว่าร้านอาหารสุดโปรดของครอบครัวตอนนี้คือร้านอะไร ทุกเสียงในบ้านต้องตอบตรงกันเป๊ะว่า “Sweet Pista”! เพราะว่าจะต้องมีเสียงเรียกร้องทุกอาทิตย์ว่าเย็นนี้อยากไปกิน Sweet Pista ให้โทรจองโต๊ะด่วน นี่ขนาด Sweet Pista เพิ่งขยับขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว ลูกค้ายังมากันเต็มตลอด ถ้าไม่อยากไปแล้วผิดหวังเพราะอดกิน ต้องโทร.จองก่อนเท่านั้น

เจ้าของร้านผู้รักจักรยานเล่าว่า Pista เป็นภาษาอิตาเลียน หมายถึงจักรยาน
ร้าน Sweet Pista เป็นร้านอาหารเล็กๆ อยู่ท้ายๆซอยสุขุมวิท 31 ทางที่จะทะลุไปออกถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ภายในร้านตกแต่งผนังปูนเปลือยด้วยจักรยานที่เป็นของสะสมของเจ้าของร้าน เมนูอาหารไม่มากมาย แต่ว่าอร่อยทุกจาน!! และตั้งราคาแบบไปกินได้บ่อยๆ ไม่ต้องคิดมากก่อนกิน (แค่คิดก็อยากกินซะแระ วู้วู้วู้) 
เจ้าของร้านฝ่ายชายซึ่งเป็นคนทำอาหารเองทุกจาน บอกว่าทำแค่นี้พอ อยู่ได้แล้ว ถ้าร้านใหญ่กว่านี้จะดูแลได้ไม่ทั่วถึง จะทำไม่สนุก (แค่นี้ก็ทำไม่ได้หยุดมือแล้ว)

Sweet Pista Salad, one of the signature dishes

ซี่โครงหมูเลียมือ และ Parma Ham Salad

Hamburg with Mashed Potato แสนอร่อย
 
จานนี้ก็อร่อยสุดๆ กุ้งสดๆกับไข่กุ้งกรุบๆ

ข้าวหมา และ Anchovy Fries สุดอร่อย
 
US Prime Rib Steak เมนูใหม่
  
 เจ้าของร้านฝ่ายหญิงเป็นฝ่าย Bakery ทำเค้กอร่อยๆใหม่สดทุกวัน แต่ละครั้งที่ไป จะได้กินเค้กแตกต่างกันไป เค้กหลักๆที่ได้กินบ่อยๆ เช่น Lemon Cheesecake เค้กส้ม เค้กมะพร้าว เค้กชาเขียวถั่วแดง บางครั้งมี Banoffi และนานๆครั้งจะได้กิน Apple Crumble (อยากกินอีกง่ะ) กินคู่กับกาแฟ หรือ Fresh Tea กลิ่นผลไม้หอมๆ ยี่ห้อ Lupicia จากญี่ปุ่น 
Banoffi, Apple Crumble, Orange Fresh Cream Cake
     
Mango Cheesecake
 
Hot Latte

ส่วนพี่สาวผู้มีฝีมือด้านการอบขนมปัง ก็อบขนมปังสำหรับ Hamburger ของร้านใหม่ๆจากเตาทุกวัน ซึ่งกว่าจะได้สูตรลงตัว เชฟโด่งบอกว่าต้องปรับสูตรกันอยู่หลายรอบ

ขนมปังเบอร์เกอร์ร้อนๆจากเตา

ขนมปังที่ประกอบร่างเป็น Bacon Cheeseburger เรียบร้อยแล้ว
 
How to get there: จากปากซอยสุขุมวิท 31 ตรงเข้ามาจนเจอสี่แยกบ้านคุณอภิสิทธิ์ เลี้ยวซ้าย โค้งไปตามทาง ผ่านร้านเค้ก Mousse&Merringe ทางด้านขวา ตรงไปเรื่อยๆ ผ่าน Hotel Eugenia และ Le Vendome จนสุดทางจะมีทางเข้าไปยังลานจอดรถ

ปากทางเข้าเป็นร้านจักรยานSixty Fixty กินเสร็จสามารถเดินย่อยอาหาร ไปดูจักรยานสวยๆได้ มีตั้งแต่ราคาหลักพันจนถึงหลักแสนบาท เจ้าของร้านจักรยานใจดี ให้ทดลองขี่จักรยานได้ด้วย

Sweet Pista Bangkok สุขุมวิท 31 โทร. 02-662-2866
ร้านปิดวันจันทร์
มีลานจอดรถหน้าร้าน

Tuesday, October 15, 2013

ขนมปัง-กาแฟ ร้านเพลินชัย สี่พระยา ..ขนมปังอบใหม่กรอบนอกนุ่มใน


ยามเช้าวันเสาร์รถไม่ติด บางทีก็นึกอยากกินขนมปังเนยน้ำตาลอบกรอบนอกนุ่มใน ถนนสี่พระยา

จากสี่แยกสามย่าน ผ่านวัดหัวลำโพงทางด้านซ้าย ขับตรงขึ้นมาผ่านสามแยกแรก ก่อนถึงธนาคารกรุงเทพ จะมีร้านห้องแถวเก่าแก่สองคูหา ขายขนมปังเนยน้ำตาล หรือจะราดนมข้นเพิ่มอีกก็ยังได้ ขายกับชากาแฟโบราณ พร้อมนมสดต้มมีไขนมลอยหน้า


หากไปสายหน่อยจะมีก๋วยเตี๋ยวแคะต้มยำรสชาติจัดจ้านร่วมให้บริการด้วย
อร่อย!!!

ร้านปิดวันอาทิตย์
ไม่มีที่จอดรถ (แต่ถัดร้านไปเล็กน้อย มีธนาคารกรุงเทพ ถ้าจังหวะดีๆไม่มีรถจอด สามารถเสียบเข้าจอดแป๊บนึงพอได้ - ตามภาพแรกด้านบน ^_^)

Sunday, October 9, 2011

ขม้ำเกินพอดี ที่ Sushi Masa

เมื่อการเผชิญหน้ากับโจเกิดขึ้นที่ร้านอาหาร สิ่งที่ตามคือ อาการท้องอืด!

ด้วยการสั่งอาหารแบบ “จัดเต็ม!” และ “จัดอย่างดีมา!” ของโจ ทำให้มื้อนี้เรา 4 คน รับประทานกันไปจำนวน 8,300 บาท!! (คนอื่นอาจว่าจิ๊บๆ แต่สำหรับเราเกือบหน้ามืด)
ไหนว่าร้านนี้ถูกกว่าร้าน Miyatake ไงอ่ะ ฮือๆๆ

ที่ลองมากินร้านนี้กัน ก็เพราะเคยอ่านจากกระทู้ใน pantip ห้องก้นครัวว่า เชฟที่เคยอยู่ร้าน Miyatake คนหนึ่งลาออกมาเปิดร้านซูชิของตัวเอง ที่ซอยพญานาค ซอยที่อยู่ข้างๆโรงแรมเอเชีย รูปถ่ายในกระทู้ก็ช่างชวนให้น้ำลายสอ ปลาสีสดๆชิ้นตู้มๆ

อ่านกระทู้กระตุ้นต่อมน้ำลายที่นี่ ++ Sushi Masa ++

เราส่ง link ต่อไปให้ป้าแจ้วและญาติมิตรดู ป้าแจ้วแกว่องไวมาก ตามลายแทงมากินทันที และยังมากินหลังจากนั้นอีกหลายรอบ โฆษณาว่าปลาส๊ดสดและให้ชิ้นใหญ่ยักษ์ยิ่งกว่าที่ Miyatake ราคาก็ถูกกว่า อย่างเช่นซูชิ Engawa หรือครีบปลาตาเดียวเอามาพ่นไฟพอให้มีรอยไหม้ๆ ที่ Miyataka คำละ 150 บาท ที่นี่ 120 บาท เป็นต้น และเล่าว่าพาใครไปกิน ก็ติดใจไปตามกัน

พอดีกับที่โจเกิดอาการอยากกินปลาดิบมาหลายวันแล้ว เลยลองโทร.มาถามที่ร้านว่ามีโต๊ะว่างรึเปล่า ก็เกิดจะมีโต๊ะว่างพอดี๊ พวกเราเลยขึ้น BTS มาลงที่สถานีราชเทวี เดินเข้าซอยพญานาคไปไม่ไกล ร้าน Sushi Maza อยู่หน้าโรงแรม Siam Savanna ฝั่งขวามือของซอย (ด้านหน้าโรงแรมมีที่จอดรถตั้งหลายคันแน่ะ ขับรถมาก็ได้นะเนี่ย)

ร้านเป็นผนังกระจกโปร่งโล่งดี มีโต๊ะขนาด 4 คนนั่งอยู่หลายโต๊ะ ด้านในมี counter bar ยาว นั่งดูเชฟทำซูชิได้

มากินร้านซูชิ ก็นึกว่าจะกินซูชิ กะจะกิน Engawa ซักหน่อย
แต่โจถามหาเมนู Sashimi ชี้ไปที่รูป o-toro ที่เป็นปลาดิบที่แพงที่สุดของร้านทันที

น้องพนักงานก็ดีมาก นำเสนอปลาดิบชนิด o-toro เป็นชนิดชิ้นปลาก้อนเท่าฝ่ามือ มากันทั้งเนื้อทั้งหนังครบ ห่อ plastic wrap เอามาให้ดูที่โต๊ะเลย

พี่นุทำหน้าสยองเล็กน้อย กระซิบว่าเค้าเอาส่วนที่ไม่ดีมาขายเรารึเปล่า ทำไมเหมือนเนื้อหมูสามชั้นเลยล่ะ

พวกเราแก้ตัวแทนร้านว่าไม่หรอก ปลาดีมันเป็นอย่างนี้แหล่ะ มีมันแทรก

น้องพนักงานเห็นเราลังเลใจยังไม่ฟันธง จึงรีบเสริมว่าสั่งอย่างนี้คุ้มกว่าสั่งเป็น sashimi นะครับพี่ ปลาก้อนนี้ทำอาหารให้พี่ๆกินได้ตั้ง 3 เมนูเลยน๊า
ฟังโฆษณาเป็นไม่ได้ เรารีบโอเคทันที

ไอ้ก้อนปลาที่ว่านี้น่ะ 3,800 บาทจ้ะ!

โจบอกว่าชั้นลดความอ้วน ชั้นงดแป้งมื้อเย็น ไม่กินข้าว จงเอาปลาดิบรวมมาอีกจาน แต่ไม่ต้องเอา o-toro แล้ว เพราะเรามีแล้ว 1 ก้อน (แง๊! จะไม่กิน sushi ให้หนักท้องเร็วๆมั่งเลยเหรอเนี่ย)

น้องพนักงานแสนน่ารักบอกว่างั้นให้เชฟจัดมาเลยนะครับ จะจัดมาให้หลายๆอย่าง ให้ลองชิมกัน จัดมาเลยจ้าน้อง
มีออร์เดิฟเป็นถั่ววาซาบิมาให้เคี้ยวเล่น ระหว่างให้เรานั่งรออาหารด้วยความตื่นเต้น

ถั่ววาซาบิแสนอร่อย
อาหารจากก้อน o-toro มาแว้ววว ..
จานแรกเป็น sushi หน้า o-toro คนละชิ้น เรากินกันอย่างชื่นมื่นมาก เสียงอร่อยๆๆๆเซ็งแซ่ (จากเรา 3 คนนะ ไม่ได้ยินเสียงจากลุงนุ) 
หม่ำๆๆ O-toro Sushi
จานต่อมาเอามาทำเป็น Sushi
อึ๋ยยย นี่มันเนื้อปลารึว่าหมูสามชั้นกันแน่
ลุงนุเริ่มบ่นว่าปลาทำไมชิ้นใหญ่อย่างนี้ ทำไมมันมันเยอะอย่างนี้

Sushi นี่เชฟจัดมาให้คนละ 2 คำ – หั่นมาชิ้นใหญ่จริงๆ คำแรกง่ำเข้าไปแบบเต็มปากเต็มคำ ยังร้องอร่อยๆๆ อยู่

คำที่สองเริ่มต้องกัดครึ่ง เพราะชิ้นมันชักจะใหญ่เกิน

ระหว่างกิน sashimi ได้กลิ่นกุ้งเผาลอยมาจาก counter ครัว เราก็บ่นกัน “อยากกินกุ้งเผา”

ไม่ทันขาดคำ จาน sashimi รวมมาวางตรงหน้า
ไอ้กลิ่นกุ้งเผา มาจากหัวกุ้ง sashimi ในจานนี้นี่เอง เค้าเผาไฟมาเฉพาะส่วนหัวกุ้ง

ส่วนตัวกุ้งนอนมาเป็น sashimi ตัวเบ้อเริ่ม

ในจาน sashimi รวมนี้ประกอบด้วย อะไรโทโร่จำชื่อข้างหน้าไม่ได้อีกแระ เป็นส่วนที่แพงรองลงมาจาก o-toro แต่ละชิ้นใหญ่ยาวมากกก! (ฝั่งข้างบนหัวกุ้ง) แล้วก็มี Salmon มันปลาเป็นลายสวยเลย ซาบะดอง (ของโปรด) ปลาเนื้อแดงๆ (ละม้ายเนื้อวัว) แล้วก็ปลาอะไรไม่รู้(อีกแล้ว)เนื้อขาวๆ (ฮามาจิรึป่าวหว่า) แล้วก็กุ้งตัวเบ้อเริ่ม เนื้อมันวาวเชียว Sashimi แต่ละชนิด ให้มาอย่างละ 4 ชิ้น

แรกๆ ปลาชิ้นนึงต้องกัดแบ่งใส่ปากเป็น 2 คำ หลังๆเริ่มกัดแบ่ง 3 คำแล้ว เชฟจะหั่นชิ้นใหญ่ไปไหนกั๊น

นี่สภาพหลังจากกัดไปคำใหญ่แล้วนะ ยังเหลือกินได้อีก 2 คำ
 Sashimi ยังไม่ทันหมด Rainbow Roll มาวางอีกจาน ในจานมี 8 ชิ้นยักษ์
ใส่มายองเนสมาซะไส้เยิ้มเชียว

ปากดีชั้นกว้างมากแล้ว ยังขม้ำเข้าไปได้ไม่หมดคำเลย

ถึงตอนนี้เริ่มเลี่ยนปลาดิบแล้วอ่ะ ขอเติมขิงดองแก้เลี่ยนแบบขอเค้าเพิ่มแล้วขอเพิ่มอีก

0-toro จานที่สาม คือเอาส่วนหนังติดกับเอ็นมาหั่นเล็กๆ แล้วเผาไฟ เอามาทำยำ (รสชาติยำเหมือนที่ Miyatake เรย) เราจิ้มกับคนละหนุบหนับ ..แก้เลี่ยน

แน่ใจนะว่าไม่ได้เอาเอ็นเนื้อมายำให้พวกพี่กิน?
น้องพนักงานเดินมาถามว่าอาหารอร่อยมั้ย ยายพันตอบเสียงใสว่าอร่อยมาก หยั่งกะกินสัตว์น้ำไปทั้งมหาสมุทร ท้องพี่น่ะเป็น Ocean World ไปแล้วจ้ะ
น้องชวนคุยต่อว่า Recommended Menu ของร้านนอกจาก O-toro ก็เป็น Foie Gras Sushi -ซูชิหน้าตับห่าน (ว้าย ตับห่านของโปรดอีกแล้ว)
โจว่าอยากจะลองซักอัน น้าพันก็เอาด้วย น้าจ้อยเอามั่ง จะได้กินของสุกมั่ง กินแต่ของดิบมาซะทุกจาน
แต่ลุงนุส่งเสียงอย่างมั่นใจ “เราไม่เอาแล้วนะ!”

Recommended Menu นี้เค้าอร่อยจริง Foie Gra ชิ้นอวบอ้วน โจบรรยายว่ากัดเข้าไป(ไข)มันแตกพุ่งเต็มกระพุ้งแก้ม

หลังจาก Foie Gra Sushi หมดคำ (คำใหญ่ซะต้องแบ่งกัดเป็น 2 คำน่ะ) น้าจ้อยหันกลับมาที่จาน Sashimi เพื่อละเลียดปลาดิบต่อ

ฮือๆ โควต้าเรายังกินไม่ครบเลย อยากลองกุ้งนะ เพราะจำได้ว่าตอนไปตลาดปลา Tsukiji ที่โตเกียว กิน Sushi กุ้งสด หวานอร่อยน้ำตาแทบไหลเลยเชียว น้าจ้อยเลยยกปลาดิบที่ไม่รู้ปลาอะไร (รู้แต่ชิ้นมันใหญ่มั่ก ต้องม้วนมาเลย) ให้คนที่ยังกินปลาดิบไหวกิน แล้วก็ Rainbow Roll อีกชิ้นด้วย (ไม่รู้ใครกิน เงยหน้ามาอีกทีอาหารหายไปหมดแล้ว)

ลองเอากุ้งจิ้มน้ำยำหนังปลา o-toro เผื่อจะให้หายมันเลี่ยนมั่ง ปรากฏว่าพอจุ่มกุ้งลงไปน้ำมันแผ่กระจายเต็มน้ำยำ (ในใจเริ่มผะอืดผะอมมาตั้งแต่กินปลาดิบชิ้นแดงๆแล้ว เพราะดันไปนึกถึงเนื้อวัวดิบ แต่ต้องกินกุ้งเข้าไปให้หมดตัวด้วยความเสียดาย ใครเค้าจะกล้ากินต่อเรา)

กินกุ้งดิบหมดตัว ไม่ไหวแล้ว ขอซุปร้อนๆซักคนละชามซิจ๊ะ ...ค่อยยังชั่วหายเลี่ยนไปหน่อย (ซุปนี่ก็รสชาติเดียวกับที่ Miyatake ละ)

คุยโน่นคุยนี่กันซักพัก เรียกน้องเช็คบิล ยังคิกคักทายกันใหญ่ว่ามื้อนี้เท่าไหร่ โดยเรารู้ราคา otoro ว่า 3,800 กับ Foie Gra Sushi คำละ 280 บาท ทายกันว่าน่าจะไม่เกิน 6 พัน

เลขที่ออกคือตัวเลขที่บอกตอนต้นนั่นเอง

จ๊าก!! Sashimi รวมจานละ 3,300 ! แพงเกือบเท่า o-toro แน่ะ ปลาอะไรแพงวะเนี่ย Salmon กับซาบะดองก็ไม่น่าจะเกินชิ้นละ 50 บาท สงสัยจะไอ้กุ้งยักษ์มันแผล่บนี่แน่เลย

เชฟถึงกะขอชื่อและเบอร์โทรศัพท์พวกเราเลยล่ะ นี่ถ้าไม่ส่งบัตรลดราคามาให้ โจบอกมีโกรธ (ยังจะมากินอีกใช่มั้ย)

หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย น้าจ้อยเกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อยไปสามวัน ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะกินของดิบเยอะเกินไป หรือว่าเกิดจากเห็นราคาอาหารก็ไม่รู้ แง!

Sushi Masa โรงแรม Siam Savanna ซอยพญานาค (BTS สถานีราชเทวี)
ทร. 02-215-9289

Wednesday, May 11, 2011

ส.หน้าวัง ตามสั่งอร่อยๆ ข้างศาลาว่าการ กทม.

ร้านอาหารจานเดียวอร๊อยอร่อยราคาไม่แพงอีกร้านที่เราชอบไปกินกัน (ไม่ค่อยเหมาะกับการกินหน้าร้อนเท่าไหร่ เพราะในร้านห้องแถวร้อนอบอ้าวมาก จากการมีเตาผัดเต้าต้มอาหารอยู่ด้านหน้าร้าน ถ้าหน้าร้านมีที่นั่งก็ค่อยเย็นสบายหน่อย) คือ ส.หน้าวัง เดินเลยมนต์นมสดขึ้นไปนิดเดียว ฝั่งตรงข้ามเป็นศาลาว่าการกทม. อาหารผัดๆของที่นี่ หอมกลิ่นไหม้ๆกระทะทุกจาน ชอบจริงๆ

ระหว่างนั่งรออาหาร เราก็ดูรูปครอบครัวเจ้าของร้านที่ประดับรายรอบผนังสองฝั่ง ลูกชายคนเล็กที่มีรูปนั่งตักหลวงพ่อคูณ ตอนนี้เป็นเด็กโต เริ่มมาฝึกงานในร้านคุณแม่แล้ว พูดเพราะด้วย

ส่วนลูกชายคนโตเรียนธรรมศาสตร์รังสิต ช่วงปิดเทอมก็มาช่วยคุณแม่เหมือนกัน

เส้นหมี่ผัดผักกระเฉด มีให้เลือกทั้งหมู ไก่ กุ้ง ปลาหมึก รวมมิตร กุ้งตัวโตดีมั่ก
                            

หมี่ซั่วฮ่องกง อันนี้จานโปรดของคุณหนูมิ

ข้าวผัดหอมกระทะ
ต้มยำไข่เจียวนี่ นึกว่าจะเลี่ยนน้ำมัน แต่ก็ไม่เลี่ยนเลย อร่อยแซ่บ ซดคู่กับข้าวผัด

ข้าวต้มปลาหอมพริกไทยที่คุณยาย confirm ว่าไม่เหม็นคาวเลย (ไม่งั้นคุณยายชอบบ่นประจำว่าร้านนั้นร้านโน้นปลาเหม็นคาว)

ยังตามด้วยก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นได้อีกชาม

มีเมนูอื่นๆ(ที่อร่อยทั้งนั้น) อีกมากมาย เช่น สุกี้แห้ง-น้ำ ก๋วยจั๊บน้ำใส (หมูกรอบอร่อยจิง)

อู๊ยยยย…อยากไปกิน ส.หน้าวังอีกแล้วววว

หมายเหตุ – ช่วงกินเจ ทาง ส.หน้าวังก็ขายอาหารเจ น้องมิเค้าไปกินมากับเพื่อนๆ บอกว่าอร่อยไม่แพ้เวลาปกติเลย

 
"ส.หน้าวัง" 156/2 ถ.ดินสอ เสาชิงช้า กทม.
โทร. 0-2622-1525, 0-2224-2588

Tuesday, May 10, 2011

คุณแดงก๋วยจั๊บญวน

วันเสาร์อยากหาอะไรแปลกๆไปจากปกติบ้าง เลยชวนกันไปถึงบางลำพู หาร้านก๋วยจั๊บญวนที่เค้าว่าเป็นเจ้าอร่อย
วันนี้แดดร้อนมาก (หลังจากฝนตกซู่ลงมาช่วงเช้า) เดินหาร้านอยู่นาน จนมาเห็นป้ายกระดาษเล็กๆแปะไว้ที่กำแพง แจ้งว่าร้านย้ายไปไม่ไกล ห่างจากร้านเดิมประมาณ 400 เมตร เราเลยเดินขึ้นไปเรื่อย จนเจอร้านใหม่ของคุณแดงก๋วยจั๊บญวน เป็นร้านห้องแถว 2 คูหากว้างขวาง ตกแต่งใหม่เอี่ยม มองไปฝั่งตรงข้าม จะเป็น FAO ค่ะ
ร้านขอปรับราคาอาหารขึ้น 5 บาทตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2554 เป็นต้นมา
เช่น ก๋วยจั๊บญวนธรรมดา ใส่ไข่ตอก จากเดิม 35 เป็น 40 บาท
ก๋วยจั๊บธรรมดา ไข่ตอก - ก่อนปรุง
ก๋วยจั๊บธรรมดา ไข่ตอก - หลังปรุงด้วยพริกป่นหอมๆและน้ำส้มพริกตำ แซ่บ!
สั่งหมูยอนึ่ง (มีให้เลือกชนิดมีเอ็น และไม่มีเอ็น) มาเคี้ยวเล่น จานละ 25 บาท

ยิ่งกินยิ่งร้อน ร้อนทั้งเส้น น้ำซุป และอากาศ นี่ขนาดร้านเค้าก็โล่งๆนะ ถ้ามากินช่วงอากาศเย็นๆคงจะกินอร่อยกว่านี้
สั่งกลับบ้านไปให้พ่อกินด้วย เค้าแยกน้ำซุป เส้น ต้นหอมผักชี หอมเจียว และเครื่องปรุงให้อย่างปราณีต และแนะนำวิธีทำว่าต้มน้ำซุปที่ให้ไปให้เดือด แล้วถ้าจะใส่ไข่ตอก ก็ตอกไข่ลงไป ตามด้วยเส้น เอาลงปุ๊บก็เทใส่ชามได้ทันที ปรุงรสตามชอบ
สั่งเฉาก๊วยหอมๆน้ำตาลทรายแดง มาเป็นของหวานดับร้อน
ยังมีอีกหลายร้านที่แถวนี้ที่น่ากิน วันหลังต้องชวนคุณยายมากินกันใหม่ ..แต่แถวนี้หาที่จอดรถยากจังค่ะ

Thursday, March 25, 2010

ร้านอาหารสงวนศรี

ร้านนี้อาหารอร่อย ราคาไม่แพง ..Recommend จ้า
ไปกินเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รถบนถนนวิทยุว่างมาก ร้านอยู่ติดโรงแรม Plaza Athenee ถนนวิทยุ


สาคูไส้ไก่ในจานถูกกินไปแล้วหลายลูก – จานละ 30


ทอดมันก็กินไปแล้วหลายชิ้น


ลาบวุ้นเส้นอร่อยมาก


ขนมจีนแกงไก่ก็อร่อย


กล้วยเชื่อม – ที่ละ 15 บาท


เฉาก๊วยแปะก๊วย (ให้แปะก๊วยเยอะเชียว)– รู้สึกว่าจะ 20 บาท


ไอติมเยลลี่ก็อร่อยอีก ราคาประมาณ 30-35
อร่อยทุกอย่าง 5555
คิดค่าบริการคนละ 3 บาท มีน้ำชาเติมได้ตลอดให้ + ห้องแอร์ (อับๆนิดหน่อย :p)


มีอาหารอื่นๆอีกมากมาย เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดเนื้อเค็ม ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า โกยซีหมี่ สเต๊ก
อาหารไทยอย่างแกงจืดลูกรอก แกงไตปลา แกงเขียวหวาน น้ำพริกปลาทู พริกขิงปลาดุกกรอบ ฯลฯ
ช่วงนี้มีข้าวแช่ชาววัง (หมึกแดงชวนชิม)ขายด้วย แต่บ้านเราชอบข้าวแช่ชาวบ้านที่มีแต่กะปิคั่วกับปลาหวานแบบของเมืองเพชรมากกว่า อย่างนี้จ่ะ


ร้านสงวนศรีปิดวันอาทิตย์
แต่บางเสาร์ก็ปิดด้วย (เช่น ไม่มั่นใจสถานการณ์ม๊อบเสื้อแดง)


โทร.ไปถามก่อนก็ดี หรือโทร.ไปจองสาคูไว้ก่อน
โทร. 02-252-7637


บั๊ค : "อยากกินจัง อาทิตย์หน้าไปกินกันมั๊ย"
พี่เจี๊ยบ : “ไม่เชื่อ”
พี่จ้อย : “ไม่” (เพราะจะไปกินวันเสาร์)
มล : “เราว่างอาทิตย์นี้”
พี่แจ้ว : "อุ๊ย! มีเฉากีวยแปะก๊วยด้วยเหยอ เมนูใหม่นะเนี่ย ลืมแนะนำน้ำลำไยเกล็ดน้ำแข็งไปรึป่าว ของเค้าขึ้นชื่อนะ"
พี่ต่อ : "พี่เคยอยู่แบ๊งค์กรุงศรีฯตอนปี ๒๓-๒๕ (แก่เนอะ) ทานแทบทุกวัน เดี๋ยวนี้นานๆก็ยังไปรำลึกความหลังเสียทีครับ ซี่โครงหมูนึ่งจิ้มเต้าเจี๊ยว น้ำพริกต่างๆ ก็อร่อยครับ"

Friday, October 2, 2009

Chan..ชั้นขนมหวาน

วันนี้ได้ชิมขนมสวยๆจากร้านชั้นขนมหวาน (หวานจริงด้วย) เมื่อก่อนเค้ามีวุ้นมะตูมใส่มะตูมเชื่อมลงไปด้วยหอมสดชื่นดี แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทำอีกเลย
ขนมชั้นมีกลิ่นเหมือนใส่นมแมว ไม่ชอบอ่ะ ส่วนขนมอย่างอื่นถ้าลดความหวานลงก็จะดี แต่ขนมเค้าทำสวยน่ารักจริงๆ
..........
...เห็นชั้นขนมหวานแล้วนึกถึงเมื่อ 20-30 ปีก่อน สมัยที่ยังมี Imperial Hotel ของคุณอากร ฮุนตระกูลที่ซอยร่วมฤดี ข้างๆโรงแรมมีบ้านไทยโบราณหลังใหญ่ เจ้าของมีฝีมือทางทำขนมและอาหารไทย จำได้ว่าแม่เรียกเจ้าของบ้านว่า “คุณหญิง” และมีผู้จัดการร้านขนมชื่อ “คุณนวลฉวี” พวกเราเรียกบ้านนี้ว่า “ร้านขนมบ้านเลขที่ 12” รับสั่งทำอาหารและขนมไทยชนิดต่างๆ ขนมแต่ละชนิดทำขนาดพอดีคำ เช่น ขนมสอดไส้ ลืมกลืน วุ้นตาวัว ขนมเผือก ขนมมัน ใส่กระทง Foil เล็กๆ หยิบบีบเข้าปากได้สะดวก อร่อย กินเพลิน มีขนมหากินยากอย่างขนมเทียนแก้วซึ่งรูปทรงเหมือนขนมเทียน มีไส้ถั่วเหลืองปั้นเป็นก้อนกลมอยู่ด้านใน หุ้มไว้ด้วยแป้งคล้ายวุ้น และห่ออีกครั้งแบบขนมเทียน แต่ห่อด้วยพลาสติกแทนที่จะเป็นใบตอง เพื่อให้มองเห็นขนมสีสวยๆเฉดสี pastel ด้านใน ทั้งสวยและหอมอร่อย
ส่วนอาหารไทย มีน้ำพริกชนิดต่างๆ เช่น น้ำพริกลงเรือ สาคูไส้หมูไส้ปลา ข้าวตังเมี่ยงลาว ข้าวตังหน้าตั้ง เป็นต้น

เมื่อเจ้าของบ้านขายที่ไป และภายหลังมีการย้ายไปเปิดร้านขนมที่ซอยรวมโชค ในซอยโชคชัย 4 พวกเราเคยตามไปซื้อขนม แต่จากบ้านเราไปที่นั่นค่อนข้างไกล และไม่คุ้นเคยเส้นทาง จึงไม่ได้ไปอีกเลย เมื่อได้กินขนมร้านชั้นขนมหวานซึ่งบางอย่างหน้าตาคล้ายขนมที่พวกเราเคยกินตอนเด็กๆ(แต่ความอร่อยสู้ไม่ได้เลยค่ะ) ทำให้อยากกินขนมบ้านเลขที่ 12 ขึ้นมาอีก
ลองใช้ Google หาคำว่า ขนมไทย + ซอยรวมโชค … มี “บ้านขนมไทยรวมโชค” ขึ้นมา ..เป็นร้านขนมเก่าเราจริงๆ! มีประวัติร้านขนมให้อ่านด้วย
http://www.bannkanomthai.com/
.............................................



ดูรูปขนมสวยๆของ Chan เพิ่มได้ที่ www.chankanom.com