Saturday, March 10, 2012

แอ่วเชียงใหม่ - ปีใหม่ 55

ซาหวัดดีครับ เมื่อสามปีก่อนตอนที่ผมยังตัวเล็กๆ ผมเคยพาไปเที่ยวสวนน้าพัน กันมาหนนึง คราวนี้ผมจะไปเที่ยวเชียงใหม่ครับ
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา (ธ.ค. 2554) แม่บอกว่าจะพาผมขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวเชียงใหม่ เพราะว่าหลังจากวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ ผมต้องมีเรียนเพิ่มวันเสาร์ (เซ็งเรย) จะไปเที่ยวไหนๆไม่ได้อีกนาน
ผมตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของผมครับ ^_^
(แต่ที่ผมกลัวมาก ก็คำทำนายของเด็กชายปลาบู่น่ะสิ แผ่นดินจะไหว เขื่อนจะแตกรึเปล่าเนี่ย)

พอป้ากะน้ารู้เข้า รีบลางานไปด้วยทันที คึกคักกันใหญ่ว่าจะได้ถือโอกาสพาคุณยายไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศกันด้วย

ป้ารีบติดต่อหาที่พัก ได้โรงแรม โลตัส ปางสวนแก้ว ในราคามิตรภาพคืนละพันต้นๆ พร้อมอาหารเช้า
และติดต่อพี่สุวรรณ จัดการเช่ารถตู้พร้อมคนขับ

ส่วนน้าจ้อยเช็ค Website ของ AirAsia ดูราคาแล้ว แพงพอๆกับการบินไทย และบางกอกแอร์เวส์เลย น้าเลยติดต่อ World Explorer ได้ตั๋ว TG มาในราคาถูกกว่า AirAsia ซะอีก แต่ว่าก็ใบละตั้งเกือบ 7 พันแน่ะครับ ยังดีนะที่ของผมอายุต่ำกว่า 12 ขวบ คิดแค่ครึ่งราคา ฮ่าๆๆ (เสียงแม่หัวเราะครับ)

พร้อมแล้ว สมาชิก 8 ชีวิตออกเดินทางกันบ่ายวันที่ 29 ธันวาคม 2554 หาอะไรกินกันง่ายๆที่สุวรรณภูมิ (แฮมเบอร์เกอร์)

บนเครื่องบินแจกครัวซองต์แพนงไก่ ไม่อร่อยเล้ย แต่ฝรั่งที่นั่งใกล้ๆกัน กินไปตั้ง 2อัน (ท่าจะหิว)

นั่งเครื่องบินบินสู๊งสูงงงงงงง ผมละอยากให้ถึงเชียงใหม่เร็วๆ มันกลัวๆน่ะครับ ..

ลงจากเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ออกจากสนามบินได้ปุ๊บ ป้าขอให้คุณสุวรรณพาผมไปพวกเราไปหม่ำขนมปั๊บ

ป้ากับน้าแนะนำร้านชื่อ Love @ First Bite
น้าบอกว่ามาวันศุกร์บ่ายอย่างนี้ ค่อยยังชั่วกว่ามาเจอคนแน่นๆแย่งโต๊ะกันแบบบ่ายวันเสาร์-อาทิตย์
อร่อยทุกจานเล้ย!
(อ่านเรื่องร้านอร่อยๆในเชียงใหม่ต่อที่ Blog "เชียงใหม่ ลำแต๊ๆ" นะครับ)

โรงแรม โลตัส ปางสวนแก้ว
อิ่มหนำแล้ว พี่สุวรรณพาพวกเราไปที่โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว พี่ชายผมมีเพื่อนๆที่คณะที่มาเที่ยวเชียงใหม่ช่วงนี้เหมือนกัน มารับไปเที่ยวงานราชพฤกษ์ เห็นว่าจะไปถ่ายรูปดอกไม้สวยๆกัน แต่คุณยายแม่ป้าน้าเค้ากลัวคนเยอะ เลยไม่มีโปรแกรมไปงานราชพฤกษ์
ห้องพักที่โรงแรมปางสวนแก้วกว้างขวางดี แต่ห้องน้ำเก่าหน่อย

คุณยายในห้องนอน

เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี
พวกเราเก็บข้าวของแล้ว แม่ยายน้าป้าพาผมกะพี่สาวไปเที่ยวเชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี

น้าบ่นว่าช่วงเทศกาลนี่คนเยอะมว๊ากกกกก ค่อยยังชั่วหน่อยตรงที่ใช้บัตร The 1 Card เป็นส่วนลดค่าเข้าชมได้ 20% ฮิๆ (เสียงน้าหัวเราะดีใจ)

แล้วก็ยังดีที่เค้ามีรถรางวิ่งพานักท่องเที่ยวชมสัตว์ต่อเนื่องกันไปหลายคัน เราเลยได้ดูครบถ้วนเรียบร้อยในเวลาชั่วโมงกว่าๆ โดยไม่ถึงกับดึกดื่น

ก่อนขึ้นรถรางผมขอแนะนำให้ซื้ออาหารเตรียมไว้ให้สัตว์ ผมได้ให้อาหารกวาง หมูป่า ยีราฟด้วย ยีราฟยืดคอเข้ามางับแครอทจากมือผม เปียกน้ำลายมันเลย อึ๋ยมั่กๆ
พบปะยีราฟอย่างใกล้ชิด

แม่อนุญาตให้ผมขี่ม้าแคระด้วย สนุกจิงๆ ขอบคุณนะคร๊าบ
พี่คนดูแลบอกว่าตัวขนาดผม ต้องใช้ม้าขนาดใหญ่สุด!
(ม้าหันหน้าหนีผมทำไม๊)

บ้านถวาย
วันสุดท้ายของปี 2554 น้าพาแม่ไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านถวาย น้าป้าแม่เค้าอยู่กันที่โกดังของร้าน De Siam เป็นชั่วโมงๆ ผมกับพี่สาวนั่งเล่นเกมรออยู่ในรถตู้จนจบไปหลายเกม ส่วนคุณยายนั่งรอนอนรอไปหลายตื่น ป้าน้าแม่เค้าก็ยังเลือกกันไม่เสร็จซะที
ที่โกดังมีตู้โต๊ะตั่ง สวยๆทั้งน้าน
แม่กับน้าบอกว่าของอย่างนี้ต้องใช้เวลา ค่อยๆดูไป ยิ่งดูยิ่งเจอของสวยๆ น่าซื้อไปโม้ด เพียงแต่เงินในกระเป๋ามันไม่มีเท่านั้นเอ๊ง ก็เลยต้องเลือกชิ้นที่ชอบชนิดคิดหลายรอบแล้วก็ยังชอบอยู่ และราคาพอประมาณเท่านั้น ทางร้านมีบริการส่งสินค้าให้ถึงกรุงเทพโดยคิดค่าขนส่งไม่แพงด้วย (อยากได้ขึ้นมาละก็ดีทุกอย่าง)
การจัดวางสินค้าภายใน Showroom
De Siam : Tel 053-441-254 www.desiam-antique.com

ร้านสุริยันจันทรา
ร้านขายของกระจุกกระจิก ของแต่งบ้าน ซีดีเพลงไพเราะ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ในซอยนิมมานเหมินท์ 1 ที่เข้าไปดูของในร้านนี้ แล้วสบายใจ เพราะไม่ซื้อไม่หาลุงโอเจ้าของร้านก็ไม่ว่าอะไร แต่ป้าผมมาร้านนี้ทีไร ได้ของกลับไปทู๊กที
คราวนี้ป้าก็ได้รูปวาดสำหรับไว้ประดับผนังบ้านใหม่มาหลายรูป เป็นผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ชื่อศุภเชษฐ์ ภุมกาญจน์ ป้าชอบผลงานของพี่ศิลปินคนนี้ บอกว่าดูแล้วสบายตาสบายใจ
ป้าไม่ต้องหอบรูปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ เพราะทางร้านมีบริการส่งฟรีทั่วไทย
ส่วนน้าผมได้โมบายกรุ๋งกริ๋ง บอกว่าจะเอาไว้แขวนที่บ้านใหม่ (ไม่ค่อยเห่อบ้านกันซักเท่าไหร่)

..คืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ที่ท่าแพเชียงใหม่มีจัดพลุฉลองปีใหม่ใหญ่โต โชคดีจริงๆที่ห้องพักของพวกเราหันหน้าต่างไปทางฝั่งท่าแพ เลยได้เห็นพลุสวยๆจากหน้าต่างห้อง เป็นวิวพาโนรามาเลย สวยๆๆ
(ที่ดีใจกว่านั้น คือไม่มีแผ่นดินไหวคร๊าบ ... เขื่อนไม่แตก น้ำไม่ท่วมแล้ว ฮี่ๆๆๆ)
ยายหลานดูพลุเที่ยงคืนปีใหม่ 2555

ร้าน Things Called Art
สืบเนื่องจากที่น้ากับป้าชอบรูปวาดของพี่ศิลปินที่ชื่อ ศุภเชษฐ์ ภุมกาญจน์ ที่วาดกระต่าย ช้าง ได้น่ารักน่าเอ็นดู และน้าไปอ่านเจอในนิตยสารอิมเมจฉบับเที่ยวเชียงใหม่ (ขอขอบคุณน้าเจี๊ยบผู้ให้การสนับสนุนยกนิตยสารให้) ว่าเค้ามีร้านขายศิลปะเป็นของตัวเองอยู่ละแวกถนนคนเดินท่าแพ
พี่สุวรรณเลยขับรถพาไปวนๆแถวถนนราชดำเนิน จากวัดพันเตาที่เราไปขอแวะเข้าห้องน้ำ เดินข้ามสี่แยกไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว

หน้าร้าน Things Called Art เย็นวันอาทิตย์ที่มีถนนคนเดิน
แม่กับน้าซื้อรูปช้างวาดด้วยสีอะคริลิครูปเล็กๆ รูปละ 1,500 บาท พี่เค้าลดให้ 10% ด้วย
น้าบอกว่าอยากได้รูปใหญ่ แต่ยังไม่สามารถซื้อได้ เพราะว่ารูปละหลายหมื่น ตอนนี้ได้แต่ชื่นชมรูปในร้านไปพลางๆ (น้าคงต้องวาดของน้าเองแล้วแหล่ะ)

Things Called Art: 111 ถนนพระปกเกล้า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทร. 089-950-1329

สวนสัตว์เชียงใหม่
วันปีใหม่ 2555 แม่บอกให้ผมตื่นแต่เช้า เพราะว่าจะพาไปสวนสัตว์เชียงใหม่ เยี่ยมหลินปิงกับช่วงช่วง หลินฮุ่ย พี่สาวผมทำงอแงจะไม่ยอมไป แต่แม่ก็บังคับให้ไปด้วยกันจนได้ ..ว่ะฮ่ะฮ่า! แม่บอกว่ามาเที่ยวทั้งที มัวแต่นอนอืดอยู่ได้ไง

เราไปถึงแต่เช้าอย่างนี้ดี คนยังไม่หนาแน่น แต่วันนี้เรามีเวลาไม่มาก เพราะต้องกลับไปรับป้า คุณยาย และพี่ๆที่โรงแรมตอนเที่ยง เพื่อไปกินอาหารกลางวันด้วยกัน

นั่งรถ Shuttle จากต้นทาง ฟังพี่คนขับบรรยาย ว่าด้านซ้ายเป็นสัตว์อะไร ด้านขวามีสัตว์อะไร พี่คนขับแวะให้เราซื้อกล้วยสำหรับให้อาหารช้าง แล้วให้ลงไปถ่ายรูปกับช้างได้ด้วย หนุกอีกแล้วครับ

เราลงจาก Shuttle ที่สถานีหมีแพนด้า ช่วงเช้าก่อน 10 โมงอย่างนี้ หลินปิงจะออกมานั่งเล่นรับลมรับแดดที่สวนหลังบ้าน
ไม่ค่อยตะกละเลยนะหลินปิง
วันนี้เป็นวันปีใหม่ ทางสวนสัตว์มีของขวัญให้หลินปิงหลายกล่องใหญ่ หลินปิงกำลังนั่งแกะกล่องของขวัญที่ข้างในเป็นอาหาร นั่งแกะไปกินไป คนก็มุงดูกันไป

ซักพักแม่พาเดินเข้าไปดูช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยด้านในโดมที่เป็นห้องแอร์ ช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยอยู่แยกกัน ตัวนึงอยู่ด้านใน ทันทีที่เราเดินเข้าไปดู ช่วงช่วงก็อึโชว์ทันที เรียกว่าขี้กระจายของจริงเลยล่ะครับ เราจับภาพไว้ได้อีกต่างหาก 555  พออึเรียบร้อยมันก็เดินไปนอนหมอบ ...กลุ่มเหลืองๆด้านขวามือของรูปคืออึของมันครับ



อีกตัวนั่งกินอาหาร (หน้าตาละม้ายอึช่วงช่วงตอนร่วงลงมาจากก้นมัน) แล้วเดินขึ้นไปนอนหมอบอยู่บนโขดหินเทียมด้านนอก

อิ่มแล้วนอนดีกว่า..
ออกจากดูแพนด้า เราแวะไปหาอะไรกินกันก่อนจะเดินกลับมารอ Shuttle เพื่อวนไปดูจุดอื่นต่อไป รอ Shuttle กันตั้งนานแน่ะ พอรถมา เราโดนผู้ใหญ่ไร้มารยาทแซงขึ้นรถหน้าตาเฉย ทำให้เราต้องรอคันต่อไปอีก เบื่อนะ!

ทีนี้พอได้ขึ้น Shuttle ได้ เราไม่ลงแวะสถานีไหนอีกเลย นั่งชมสัตว์จากบนรถนั่นแหล่ะ เพราะแม่บอกว่าไม่มีเวลาแล้ว และต้องไปขึ้น Monorail ที่น้าผมขู่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เพิ่งมีข่าว Monorail ระบบไฟขัดข้อง ผู้โดยสารติดอยู่บนนั้นเป็นชั่วโมง ต้องใช้รถเครนช่วยเอาคนลงมา

จากข่าวนี้เลยคร๊าบ ระทึก! ลุยช่วย 10 ชีวิต ค้างรถลอยฟ้า สวนสัตว์เชียงใหม่
ลงจาก Monorail อย่างปลอดภัย (โล่งใจไปที) พอดีกับมีขบวน Parade สัตว์ฉลองปีใหม่ด้านล่างของสถานี

เดินมารอพี่สุวรรณหน้าสวนสัตว์ เห็นรถที่จะขึ้นดอยสุเทพติดยาวเหยียด (มิน่า ตอนป้าเจื้อยโทรหาพี่สุวรรณเพื่อจะจองรถตู้ พี่สุวรรณบอกว่าขอไม่ขึ้นดอยทั้งหลายนะครับ พี่สุวรรณบอกว่าเกียร์พังต้องเสียเงินซ่อมไม่คุ้มค่าเช่ารถ) พวกเราเลยเดินข้ามฝั่งไปหาพี่สุวรรณที่ร้านศิลปาชีพ แวะซื้อนมสดกับไอติมของฟาร์มโคนม … กินแก้หิวกันคนละหน่อย น้ำส้มคั้นอร่อยดีครับ แต่ไอติมไม่เด็ด

เวียงกุมกาม

พร้อมออกเดินทางชมเวียง
ยามบ่าย อิ่มอร่อยกันแล้ว พี่สุวรรณพาไปนั่งรถม้าเที่ยวเวียงกุมกาม เมืองโบราณอายุกว่า 700 ปี ที่พญามังรายทดลองสร้างไว้ก่อนสร้างนครเชียงใหม่ เมืองนี้ล่มสลายลงเพราะน้ำท่วมใหญ่
ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวมีบริการทั้งรถ Shuttle แบบนั่งได้หลายคน แต่พี่สุวรรณบอกว่าแบบนั้นไม่ได้อารมณ์ ต้องนั่งรถม้าถึงจะสนุก คนขับรถม้าจะเป็นมัคคุเทศน์อาสาสมัคร คอยบรรยายให้เราฟังเรื่องความเป็นมา และสถานที่ต่างๆที่น่าสนใจในเวียงกุมกาม โดยไม่ได้กำหนดว่าผู้โดยสารต้องให้ทิปพี่เค้าเท่าไหร่ (เลยเป็นโอกาสทองของแม่ผม ให้ไป 20 บาท บอกว่ายังไงเค้าก็ได้ส่วนแบ่งจากค่ารถม้าอยู่แล้ว ..ป้าเจื้อยฟังแล้วร้องจ๊ากว่าช่างกล้า น่าเกลียดจิงๆ ป้าให้คนขับรถม้าคันที่ป้านั่งไป 100 บาท ป้าว่าน่าสงสารเค้าออก – แม่ผมละเป็นอย่างนี้ประจำ)

ค่ำวันเสาร์ - ถนนคนเดินวัวลาย
คืนวันเสาร์ ที่ถนนวัวลายจะกลายเป็นถนนคนเดิน ให้คนมาเดินเลือกซื้อของกินของใช้กัน น้ากับพี่มีมี่ซื้อไฟราวเอาไว้ประดับบ้านช่วงเทศกาล
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นไปเห็นที่ถนนคนเดินท่าแพ ราคาถูกกว่าที่นี่เกือบครึ่ง เซ็งไปเลย
ผมให้แม่อุดหนุนคุณลุงที่ขายของเล่นด้วย คุณลุงอุตส่าห์แสดงกรรมวิธีการเล่นของเล่นทุกอย่าง ถ้าไม่ซื้อนี่เกรงใจคุณลุงแย่เลย

เย็นวันอาทิตย์ - ถนนคนเดินท่าแพ
ทุกเย็นวันอาทิตย์ ถนนท่าแพจะเป็นถนนคนเดินที่ยาวยืด เดินกันเมื่อยแล้วเมื่อยอีก เดินซื้อของบนถนนเส้นหลักแล้ว ยังมีถนนเส้นรองที่ตัดขวางให้เดินอีกหลายถนน พี่มิอยากกินไข่ป่าม แต่ว่ามาครั้งนี้หาไม่เจอ คิดว่าต้องเดินไปถนนเส้นที่มีร้าน Things Called Art แต่ว่าเราเดินไปไกลไม่ไหว กลัวไม่ทันเวลานัดพี่สุวรรณ

ปิ้งๆอร่อยๆที่ถนนคนเดินท่าแพ
น้าซื้อกระเป๋าสะพายทำจากผ้าปักม้ง ส่วนสายสะพายทำจากหนังราคา 500 บาทเท่านั้น
ได้ของกันเยอะแยะ ทั้งถาดไม้ใส่ของ ผ้าเช็ดเท้าแบบหวานๆ ถั่วเหลืองอบกรอบ เป็นต้น

ขึ้นรถตู้ของพี่สุวรรณตามจุดที่นัดหมายกันฟ้ามืดแล้ว ป้าเลยให้พี่สุวรรณไปส่งที่สนามบิน เรานั่งกินข้าวเหนียว จิ๊นปิ้ง ตับทอด ไส้อั่ว ที่ซื้อมาจากกาดต้นพยอม และตลาดวโรรส ระหว่างรอเครื่องบินกลับกรุงเทพ

เรื่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ครั้งแรกแบบสบายๆของผมกับเวลา 3 คืน 4 วัน จบเพียงเท่านี้แล้วครับ
พบกันใหม่ Blog หน้าครับ ^_^