Monday, March 11, 2013

Shanghai Diary ..เซี่ยงไฮ้ ไดอารี่

เรื่องราวจาก Email ที่เขียนถึงเพื่อนๆเมื่อครั้งที่ไปเที่ยว Shanghai หลายวันหลายคืนช่วง Halloween -ของปี 2008 และรวบรวม Email จากเพื่อนๆพี่ๆ ที่เขียนตอบรับเรื่องราวการท่องเที่ยวของเรามารวมไว้ด้วยกัน ^___^ ...เวลา 4-5 ปีนี่ช่างผ่านไปรวดเร็วซะจิงๆ

********************************
From: Joy
To: Our Gang
Sent: Sunday, October 26, 2008 7:13 AM
Subject: hello from Shanghai

helloooo

นี่แอบดึง wifi จากบ้านไหนมาไม่รู้ ต้องรีบส่ง mail ซะหน่อย
บ่ายนี้จะออกไปเที่ยวนอก shanghai 3 คืน 4 วัน คงไม่ได้ส่ง mail นะจ๊ะ

อากาศที่ Shanghai เย็นสบายดีมากเลย แต่ว่าเมื่อวานฝนตกปรอยๆตั้งแต่บ่ายๆถึงกลางคืน
เมื่อวานถึง shanghai ตั้งแต่ 7 โมงเช้าของที่นี่ นอนไม่ค่อยหลับ เมื่อยไปหมด

ออกจากสนามบินเดินไปขึ้น Maglev เข้ามาสถานีในเมืองแล้วต่อ subway มาขึ้นสถานีที่เดินต่อมาที่โรงแรมที่พักได้
จาก Maglev ต่อ Subway และเดินลากกระเป๋าต่อ ไปโรงแรม
หลังจากอาบน้ำอาบท่า ยายพันต้มกาแฟให้กิน พี่เจื้อยเตรียมขนมเปี๊ยะมาจากกรุงเทพอีก ได้กินกับกาแฟ

มื้อกลางวันไปกินที่ร้านอาหารจีน Din Tai Fung ในซินเทียนตี้ อร่อยมากกกกกก... (แต่ปุ๊ยคงไม่ชอบ เพราะว่ามันเค็มทุกอย่าง)
อาหารที่เราสั่งมีดังนี้ เสี่ยวหลงเปาหมู 2 เข่งใหญ่ เสี่ยวหลงเปาปู 2 เข่งใหญ่ เต้าหู้ราดซ้อสเสฉวนปู ไก่แช่เหล้า 2 จาน บะหมี่ทำมือ 3 ชาม ข้าวผัดกุ้ง หมูทอด ข้าวเหนียวไส้หมูทอด ผัดผักเต้าเหมี่ยว ผัดผักกับเบคอน

ซินเทียนตี้ เป็นย่านเก่าที่เอามา renovate ใหม่ ทำเป็นร้านค้าเก๋น่ารักน่าเดิน หลังอาหารไปเดินเล่น (อันที่จริงหลงทาง) และกินไอติมต่อ

ต้นไม้เมืองนี้น่ารัก ลายทหารพรานเหมือน jacket น้องมิที่น้าจ้อยยืมมาใส่เลย hahaha ตึกที่ข้างบนเป็นวงกลมๆคือ hotel ที่เราอยู่


taxi ที่นี่ขับน่ากลัวมากๆๆๆๆๆ นั่งตัวโยกไปโยกมา หัวสั่นหัวคลอน แล้วทั้งแซงทั้งฝ่าไฟแดง เป็นอย่างนี้ทุกคันซะด้วย

มีข่าวเด็ดอะไรจากเมืองไทยบ้างรึเปล่าจ๊ะ
bye for now

********************************

Subject: RE: hello from Shanghai
Date: Mon, 27 Oct 2008 08:52:00 +0700
From: Buck
To: ป้า Joy

Wow .. กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย .. ปกติจะได้แซวป้าทุกเช้า .. ไม่อยู่ตั้งอาทิตย์จะกัดใครดีหละเนี่ย ..
Take care na ka… don’t have much Melamine la…
********************************

From: Jaew
To: Joy
Subject: Re: hello from Shanghai
Date: Mon, 27 Oct 2008 08:59:53 +0700

มีข่าวเด็ด 1 ข่าว....

รถจ้อยอ่ะ--คือว่าที่ฝากพี่สตาร์ททุกวัน--วันแรก (วันเสาร์) มันก็สตาร์ทติดปกติ แต่พอวันอาทิตย์ พยายามสตาร์ทเท่าไร มันก็ไม่ติด พอบิดกุญแจแก๊กแรก หน้าปัทม์มีไฟติดพรึ่บเลยนะ แบบว่าทุกฟังก์ชั่นพร้อมทำงาน แต่พอบิดสุดจะสตาร์ท มันก็ดังแกร๊กกก..แกร๊กกกกก....ไม่รู้เป็นที่ระบบป้องกันขโมยรึเปล่า เพราะถ้าแบตฯหมด ไฟที่หน้าปัทม์ไม่น่าขึ้นตอนบิดแก๊กแรก และตอนบิดสตาร์ทมันไม่น่ามีเสียง (เคยแบตหมดเหมือนกัน)

แต่ถ้าเป็นที่ระบบกันขโมย ทำไมวันแรกมันสตาร์ทได้ล่ะ งงเลย....

ไม่รู้จะทำยังไงอ่ะ ใครรู้ช่วยบอกทีค่ะ....พี่แจ้ว

********************************

Subject: RE: hello from Shanghai
Date: Mon, 27 Oct 2008 09:16:59 +0700
From: Buck

เด็ดยังงัยเนี่ย … ป้าแจ้ว !!!

********************************
Subject: RE: hello from Shanghai
Date: Mon, 27 Oct 2008 11:01:41 +0700
From: Mon

เด็ดแล้วจริงๆค่ะพี่แจ้ว เพราะเล่าแค่เรื่องเดียวเลย ที่สำคัญสามารถกลบเรื่องที่พี่จ้อยเขียนเล่ามาด้วย (ไม่มีใครสนใจอยากรู้ หรือร้องอู้หูว่า น่ากินจัง อะไรทำนองนี้) และก็ไม่มีใครตอบพี่แจ้วได้เลยว่ามันเป็นเพราะอะไร (รวมทั้งมลด้วย)

พี่จ้อย มลขอสนใจพี่บ้างละกัน
รายการอาหารมันเยอะมากเลย ไปกันกี่คนหรอ แถมอร่อยมากมีกอไก่หลายตัวอีกต่างหาก
พี่ไปเที่ยวเมืองอะไรอ่ะที่อยู่นอกเซี่ยงไฮ้หน่ะ หางโจว ซูโจว หรือเปล่า ไม่มีอะไรหรอกอยากรู้เฉยๆ

แค่นี้นะ ถ้ามีเรื่องตื่นเต้นจะเล่าให้ฟังเป็นระยะๆ
Take care ka,

********************************

From: Joy
To: Jaew
Sent: Tuesday, October 28, 2008 12:21 AM
Subject: RE: hello from Shanghai

พี่แจ้ว
ไม่น่าจะเป็นที่ระบบกันโขมย เพราะถ้าอย่างนั้นมันต้องร้องลั่นตั้งแต่ตอนเปิดประตูรถแล้ว
ฝากลุงอู๋ช่วยดูให้หน่อยดิ ลอง jump start ดูได้ป่าว
ตอนนี้เป็นไงบ้างอ่ะ

********************************
From: Jaew
To: Joy
Subject: Re: hello from Shanghai
Date: Tue, 28 Oct 2008 08:40:09 +0700

เมื่อคืน (วันจันทร์) ก็ลองสตาร์ทอีก หมุนกุญแจแก๊กแรก หน้าปัทม์มีไฟขึ้นพรึ่บเหมือนเดิม แต่พอบิดสุด คราวนี้เงียบสนิทแบบแบตหมดอ่ะ ไม่ดังแกร๊กกกก...แกร๊กกกก....แล้ว แสดงว่าแบตน่าจะหมดจริงๆน่ะแหละ

จะฝากยายบอกพี่อู๋ให้ช่วยจั๊มมั๊ยล่ะ?

********************************

Subject: RE: hello from Shanghai
Date: Tue, 28 Oct 2008 14:06:09 +0700
From: Jang

ตอบพี่จ้อยคนล่าสุดเลย ปล่อยให้พี่ ๆ เค้าตอบกันไปก่อน อิอิ

เรื่องเด็ดของนู๋คือ เสื้อยืดคอแหลมของ giordano ที่มีตรากบรุ่นใหม่ ที่พี่จ้อยซื้อราคาลด 30 % เมื่อวันเสาร์นู๋พานังพลอยมาอาบน้ำ ระหว่างรอคุณนายแกอาบ แจงเลยไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลชิดลม สะใจมากค่ะพี่จ้อยคะ มันลด 50 % แล้วค๊า นู๋เลยซื้อมา 2 ตัว สีน้ำตาลแบบพี่จ้อย 1 และสีชมพูอ่อนอีกหนึ่ง เป็นงัยคะพี่จ้อยข่าวนี้เด็ดมั๊ยล่ะ หมดละเรื่องเด็ดของนู๋

คิดถึงจ้า
แจง :D

********************************

Subject: RE: hello from Shanghai
Date: Tue, 28 Oct 2008 14:08:32 +0700
From: Mon

Size S เหมือนเดิมด้วยล่ะ อิอิ

********************************
Date: Wed, 29 Oct 2008 01:40:26 -0700
From: Pui
Subject: RE: hello from Shanghai

โอ้โห ข่าวเด็ดของแต่ละคน เด็ดจริง ๆ คงทำเอาจ้อยร้องกรี๊ดอยู่หน้าคอมฯ 555
จ้อย ชั้นเพิ่ง login เข้า yahoo เลยตอบช้ามาก

ไม่มีข่าวเด็ดมาก แค่ว่าจ้อยลองอ่านซ้อเจ็ดอาทิตย์นี้ละกัน แต่ควรดูเฉลยใน คคห. ด้วย ไม่งั้นไม่รู้เรื่อง
เอ้อ...แล้วมีอีกเรื่อง
จำ stamp ของ Federer ที่ชั้นฝากพี่ไก่ซื้อที่สวิสได้มั๊ย ตอนนั้นมันมี pack ละ 10 ดวง ๆ ละ 1 ฟรังก์ แพ็คนึงตอนนั้นชั้นเสียเงินไป 300 บาท ตอนนี้มีคนโพสต์เข้าเวปว่า ได้ข่าวว่าเป็นที่ต้องการในตลาดมาก ได้ยินว่ามีการซื้อขายถึง 1500 ฟรังก์ ต่อ ดวง !!!!! แต่เขาไม่คอนเฟิร์ม ชั้นอ่านแล้วแทบเต้น เพราะถ้าจริง ชั้นจะรีบจองตั๋วเครื่องบินไปสวิส บินไปขายแสตมป์ทั้งแพ็คด้วยตัวเองอย่างด่วน (นี่แล้วชั้นมีเป็นแพ็คแบบไม่มีรอยฉีกเป็นดวง ๆ มันจะแพงขึ้นอีกไหมหว่า อดฝันหวานไม่ได้) ทั้งหมดทั้งปวงอย่างน้อยไปชดเชยกับที่ขาดทุนหุ้นล่ะ 555

แต่ปัญหามันคือว่า......................ชั้นจำไม่ได้ว่าเก็บแสตมป์ไว้ไหน วันนี้ต้องกลับไปรื้อบ้านและค้นข้าวของอย่างด่วน ถ้าหายไปนี่คงต้องบอกว่าเรามันไม่มีดวงจริง ๆ 555

ปล. ชั้นควรขนแสตมป์ไปเซี่ยงไฮ้ เผื่อให้เฟดเซ็นด้วยดีไม๊ เผื่อราคาจะมากขึ้นอีก ????

********************************

2008/10/26

มาอยู่ที่นานจิงแล้ววว ภาษาอังกฤษเขียน Nang Jing แต่รู้สึกว่าเป็นเมืองเดียวกับนานกิงล่ะ
โรงแรมอยู่ติดสถานีรถไฟเลย เรามา bullet train ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงจาก Shanghai
ออกจากสถานีคนรอ taxi แน่นมาก เป็นหลายร้อยคน (ไม่ได้โม้) แต่แถวก็ไหลไปเรื่อยๆ เกือบครึ่งชม.ที่เราอยู่ในแถวรอคิว taxi

ต้องใช้ taxi 2 คันๆละ 3 คน

พี่เจื้อยไปอีกคัน เล่าว่าพอบอกว่าเราจะมาโรงแรม New Century เท่านั้น taxi พันหัวเราะฮ่าๆๆ บอกว่าใกล้มาก เดินไปก็ได้
แล้วก็ใกล้มากจริงๆ Taxi วนพรื่ดเดียว ถึงหน้าโรงแรม! จากหน้าต่างห้องนอนเรา มองเห็น train station อยู่ติดโรงแรมเลย

ที่โรงแรมนี้มี internet ให้ใช้ในห้องพักด้วย hahaha ส่ง email ได้อีก

ตอนค่ำไปเที่ยวแหล่งถนนคนเดินตอนกลางคืน มีร้านรวงเยอะไปหมด ได้ชาจีน กับกาน้ำชาดินเผาใบเล็กๆ ต่อราคาจากที่แปะป้ายไว้ 2,800 หยวน เค้าบอกราคา 580 ต่อจนได้ที่ 100 หยวน ไม่รู้ซื้อแพงรึเปล่า แต่ก็ต่อได้มากกว่าโจโจ้กับพัน hehe
พันกับโจโจ้เจ็บใจว่าของสองคนต่อน้อยไป


แวะกินอาหารจีนใน food court จีน ลุงถ่ายอาหารออกมาดูน่ากินดี แต่ชั้นไม่ค่อยชอบบรรยากาศร้านเท่าไหร่ ดูไม่สะอาด ที่อร่อยสุดสำหรับชั้นคือไก่ทอด (ที่หน้าตาคล้ายหมูสะเต๊ะ) โรยพริกป่น ไม้ละ 2 หยวน ไก่เนื้อนุ่มดี

นอกจากนี้ก็ซื้อเข็มกลัดแบบมีไฟกระพริบ อันละ 2 หยวนเอง เอาไว้เวลาเดินมืดเราจะได้ไม่หลงจากกลุ่ม ยายพันซื้อบอกว่าจะเอาไปติดไปงานปีใหม่ที่ office

นี่ทำไปทำมาดึกมากอีกแล้ว พรุ่งนี้ต้องออกจากโรงแรม 8 โมงเช้า เพราะวันนี้โอ้เอ้ ไม่ได้ทำอะไรเลย

หมายเหตุ - รูปสวยๆวันนี้ทั้งหมด จากกล้องลุงจ้า
********************************

2008/10/27

In Nanjing

กว่าจะได้เขียน ดึกเลย เพราะเมื่อกี้นั่งดู internet หาข้อมูลหังโจว ซูโจวกับพัน ดูเรื่อง train schedule ด้วย
สามวันมานี่รู้สึกว่าไม่ค่อยได้เที่ยวเต็มที่ ดูไปดูมาเรามาตั้งอาทิตย์แต่ทำไปทำมาอาจได้เที่ยวนิดเดียว
ถามเรื่องแตงโมเมืองจีนแล้ว เค้าบอกว่าหน้านี้ไม่มี
นี่เราซื้อกล้วยหอม(ใบใหญ๊ใหญ่) กับพุทราจีนลูกเล็กๆมากินเป็นอาหารพรุ่งนี้เช้าด้วย

พรุ่งนี้ดูตารางรถออกจากนานจิงไปหังโจว ถ้าเป็น bullet train มีรอบเดียวคือตอนเกือบบ่ายโมง ใช้เวลาเดินทางตั้ง 4 ชั่วโมง เพราะรถไฟต้องกลับไปผ่านเซี่ยงไฮ้ก่อน แล้วถึงลงไปหังโจวอีกที

เสียเวลาบนรถไฟนี่ล่ะ กว่าจะถึงหังโจวก็เย็น กว่าจะออกจาก train station ได้อีก ไม่รู้รอคิวเป็นครึ่งชม.อย่างที่นานจิงอีกรึเปล่า..

วันนี้เราเช่ารถตู้ ไปเที่ยววัด เที่ยวสุสานดร.ซุนยัดเซ็น และสุสานจูหยวนจางต้นราชวงศ์หมิง

สุสานหมิงบรรยากาศดีที่สุดเลย เป็นสวนสาธารณะด้วย ต้นไม้เยอะ อากาศดี มีทางเดินช่วงนึงจะเป็นตุ๊กตาหินรูปสัตว์ตั้งเป็นคู่ๆ มีอูฐ ม้า ช้าง สิงห์ เป็นต้น อีกช่วงก็เป็นรูปสลักคนเป็นคู่ๆเหมือนกัน เค้าบอกว่าให้ตุ๊กตาพวกนี้เป็นองครักษ์พิทักษ์ฮ่องเต้

โจโจ้เล่าเรื่องราชวงศ์หมิงให้ฟังสนุกดี บอกว่าปกครองจีนตั้งสามร้อยกว่าปี

ส่วนสุสาน ดร. ซุน ยัด เซ็น ก็ใหญ่มาก ต้องเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้น
ลุงบอกว่าทำเหมือน Lincoln Memorial ที่ DC มีรูปสลัก ดร. นั่งอยู่บนเก้าอี้ใน memorial มองออกมาข้างนอก ..เหมือน Lincoln จริงๆ
แล้วดูไม่มีร่องรอยอารยธรรมอย่างสุสานหมิง เลยไม่ประทับใจอะไรมาก แค่รู้สึกดีที่ได้เดินออกกำลัง

เราให้คนขับรถตู้พาไปกินอาหารพื้นเมืองของนานจิง บอกว่าเอาร้านที่ Local กินนะ ไม่เอาร้าน tourist
อาหารแปลกๆดี มีชามนึงคล้ายข้าวต้มปลา แต่เค้าใช้ข้าวคั่วแทนข้าวสวย หอมๆกรอบๆ อร่อย

อย่างอื่นกินไปนิดๆหน่อยๆ มีปลานึ่งซีอิ้ว ปลาหน้าตาน่ากลัว เลยชิมไปนิดเดียว

ผัดหน่อไม้หวานๆเผ็ดๆ ไม่ชอบอาหารหวาน เราเลยว่าไม่อร่อย

ต้มเห็ดกับไก่ ก็เหม็นคาว

ไก่แช่เหล้ายิ่งเหม็นคาวใหญ่ แล้วแช่ตู้เย็นมาเย็นเจี๊ยบ หนังหน๊าหนา

มีเต้าหู้ราดมะเขือเทศค่อยกินได้

เรากินอาหารกลางวันกันตอน 5 โมงเย็นแล้ว ให้รถเค้าไปส่งที่ถนนคนเดิน เดินซื้อชากับพัน ยายพันซื้อกาน้ำชาเล็กๆมาอีก ซื้อเสร็จไปกิน Burger King  กินบะหมี่เล่าเหมี่ยนต่ออะไรเหมี่ยนมาหลายมื้อแล้วคิดถึง fast food !

PS ลืมเล่าเรื่องคนจีนชอบขากถุยไม่เลือกที่ ยายพันเสียงเข้มมาก บอกว่าถ้ามันถุยใส่ชั้น ชั้นจะถุยใส่มันกลับทันที ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้รู้จักหัวเฉียวซะบ้าง! พันบอกว่าต้องสะสมน้ำลายไว้ให้พร้อม!

********************************
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานนานจิง

********************************


From: Joy
Sent: Thursday, October 30, 2008 12:10 AM
Subject: hello from Shanghai again

hello everyone,
thanks for all your mail. P'jaew like them a lot!

กลับมาจากเที่ยวนานกิง หังโจวแล้ว หังโจวสวยมากเลยล่ะ ต้นไม้เยอะ มีทะเลสาบใหญ่อยู่กลางเมือง โรงแรมก็อยู่ริมทะเลสาบเลย แต่เราไม่ได้มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศเลย รีบมารีบไป

วันนี้อุตส่าห์จะรีบไปเที่ยวในหังโจวแต่เช้า โดยจะ check out ให้เรียบร้อยก่อน ดันมามีปัญหาเรื่องจ่ายเงินนี่ล่ะ เพราะว่าเราจองผ่าน internet แล้วตอนจองเราบอกห้องละ 3 คน มันเลย charge extra bed ไปอีกห้องละ 222 หยวน

แต่พอมาถึงโรงแรม ห้องเล็ก เอาเตียงเสริมวางไม่ได้ เราเลยขอแค่หมอนผ้าห่มเพิ่ม และแอบดีใจว่าจะได้ไม่ต้องเสียอีกห้องละ 200 กว่า
ตึกห้องพักโรงแรม
วิวจากห้องพัก
 ตอน check out โรงแรมดันคิดราคาเราเต็มแบบมีเตียงเสริม อธิบายกันยังไงก็ไม่เข้าใจ อุตส่าห์เขียนสมการบวกลบคูณหารให้ดู ก็ไม่รู้เรื่องซะที
ยายพันตะโกนเสียงดังลั่นเลย "Give my money back now!" ลั่น Lobby "Otherwise, I will report this to the Government Agency. I will call my relative in Beijing right now" bla bla bla
ยายพันอยู่เมืองจีนนี่เสียงยิ่งดังกว่าอยู่เมืองไทยอีก

เมื่อคืนตอนขอหมอนขอผ้าห่ม แล้วโรงแรมไม่เอามาให้ ยายพันก็ตวาดทางโทรศัพท์ลั่นเลย
หันมาตบท้ายกับเราว่าต้องอย่างนี้พี่ มันถึงจะทำให้

เมื่อเช้าพอยายพันเสียงลั่น โจโจ้ ลุง พี่เจื้อย ค่อยๆหนีหายไปหมด เหลือชั้นต้องอยู่เป็นเพื่อนมันคนเดียว
เสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่ได้เงิน 400 กว่าหยวนคืนอยู่ดี
โจโจ้บอกว่าโรงแรมนี้คงเลิกรับคนไทยไปเลย (เมื่อเช้าพนักงานทั้ง lobby คงรู้จักเราหมด)

ตอนบ่ายเราแวะมาเที่ยวเจดีย์นางพญางูขาว ตำนานความรักอันซาบซึ่ง ซึ่งอยู่หลังโรงแรม เราเลยขอแวะเข้าห้องน้ำที่โรงแรมอีกครั้ง (ยังกล้าแวะ)
เดินไปเข้าห้องน้ำ ต้องผ่าน front counter ชั้นมองๆพนักงานว่าเค้ามองเรารึเปล่า
รู้สึกว่าทุกคนหลบตาวูบวาบกันไปหมด ..เค้าคงคิดว่าเราเป็นพวกบ้าอาละวาดเนอะ
เบื้องหลังคือเจดีย์นางพญางูขาว
วิวจากเจดีย์
พี่แจ้ว : ตกลงรถจ้อยเป็นไงมั่ง และจะเปลี่ยน battery ร้านในซอยเหรอ ที่พี่แจ้วบอกว่าไม่ดีใช่รึป่าว

แจง: ลด 50% ถึงเมื่อไหร่ พี่มานี่เห็น giordano หนนึง แต่ยังไม่มีโอกาสเข้าไปดูเลย

Buck: พี่ซื้อหินทำเหมือนหยกอันเล็กๆ จะกลับไปให้ buck ช่วยร้อยสร้อยให้นะ :)

ปุ๊ย: เจอ stamp รึยัง ชั้นเห็นป้ายโฆษณา tennis ติดเป็นแถวตามข้างถนนหนทางใน shanghai แล้วล่ะ ตอนนี้ที่นี่ฝนตกเกือบทุกวันเลย วันนี้ไปเที่ยวหังโจวก็ฝนตกปรอยๆ ไม่มีแดดเลยทั้งวัน

ไปแล้วนะ
will talk to you later ja
joy

********************************
From: Joy
Subject: Hangzhou Food
Date: Thu, 30 Oct 2008 07:47:19 +0700

good morning everyone

เมื่อวานลืมเล่าเรื่องไปกินอาหารกลางวันในหมู่บ้านขายชาหลงจิ่งที่หังโจว
โจเค้าอยากซื้อชาหลงจิ่ง แต่บอกคนที่โรงแรมให้บอกคนขับรถที่เราเช่าให้พาไปที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว avoid tourists

เค้าเลยพาไปในหมู่บ้านที่ปลูกชาทั้งภูเขา จะพาไปซื้อชาและกินข้าวที่โน่นเลย ไปจอดรถหน้าบ้านนึง(ตอนแรกนึกว่าคนขับรถพาไปบ้านตัวเองรึเปล่า) มีเจ้าของบ้านผู้หญิงกับลูกสะใภ้ซึ่งแต่งชุดนอนเดินไปเดินมา ชาหลงจิ่งดีสุดที่เค้ามีขาย 1 จิ้น (ครึ่งกิโล) 6,000 บาท! กินอาหารกลางวันที่นั่นก่อน แล้วตบท้ายด้วยซื้อชาที่ร้านเดียวกัน แถวนั้นทำอย่างนี้กันทุกบ้านเลย ลุงเดินไปถ่ายรูปด้านหลังบอกว่าหลังบ้านมีรถ benz รุ่นปัจจุบันจอด เราไปเข้าห้องน้ำในบ้าน บ้านเป็นตึกโอ่โถง กว้างขวางสะอาดสะอ้านเลยล่ะ
ทดลองเด็ดใบชา
เอาชามาให้ชิม ล่อหลอกให้ซื้อกลับ
กินชาร้อนแกล้มถั่ว ระหว่างรออาหาร
อาหารที่เค้าทำให้กินสดมาก ปลาตักจากตรงนั้น บอกให้เราชี้เลยว่าจะกินตัวไหน เราเลยไม่สั่งปลา

ผัดผักอร่อยมาก หวานกรอบ

แต่ว่าไก่ต้มในหม้อที่เอามาเสิร์ฟเราชามหลังสุดนี่สิ ลุงบอกว่าเมื่อกี้พี่เห็นไก่ 3 ตัว ตอนนี้ทำไมเหลือ 2 และพอหม้อไก่มาวางที่โต๊ะเรานะ ไก่ตัวนึงเดินมาร้องเสียงครวญครางอยู่ข้างโต๊ะใต้ขาเก้าอี้ชั้นเลย

แป๊บนึง มีคนเห็นไก่ตัวที่สามเดินมา ทุกคนร้องเฮ กล้ากินน้ำแกงหน่อย (แต่ชั้นไม่ชอบอีกแล้ว เพราะว่ามันมีกลิ่นคาวๆแปลกๆ)

มันไม่ค่อยถูกปาก และหวาดระแวงว่าไก่มาจากไหน เลยไม่ค่อยมีคนกิน ..โจบอกว่าอันนี้ไม่ใช่ไก่เพิ่งถูก murdered หรอก เพราะว่ามีกลิ่นไม่สด

จังหวะนั้นเองที่มีคนจีนมานั่งกินอีก 2 โต๊ะ เราเห็นเจ้าของร้านคว้าไก่จับตรงปีก 2 ข้างชูขึ้น (ไม่รู้ตัวที่เพิ่งเดินมาร้องที่โต๊ะเรารึเปล่า) ชูให้ผู้ชายโต๊ะข้างๆดู พอพยักหน้า เจ้าของร้านจับไก่เดินไปข้างหลัง ตกใจมากเลย ไม่กล้ามอง แต่มีใครบอกว่าเค้ากรีดเชือดตรงนั้นแล้วก็ล้างตรง sink ตรงนั้นเลย ..บรื๋อ..

พวกเราหยุดคุยเฮฮากึ๊กเลย นั่งเงียบกริบกันทั้งโต๊ะ

เท่านั้นยังไม่พอ มีคนของร้านใช้สวิงจับปลาจากบ่อที่เรียกยายพันไปเลือกปลา โยนเหวี่ยงฟาดปลาจากบ่อลอยตกมาที่พื้นข้างโต๊ะเรา 2 ตัว แล้วเดินตามมาเหวี่ยงฟาดซ้ำอีกที ปลานิ่งไปเลย

ระหว่างเรารอเช็คบิลค่าอาหาร เห็นปลานึ่งซีอิ๊วถือมา 2 จาน!

ก่อนคิดเงิน เจ้าของร้านเดินมาถามหลายรอบว่าทำไมไม่กินไก่ ท่าทางจะเป็น menu เด็ดของเค้า
โจบอกว่าพอดีเรากินอย่างอื่นเยอะ เลยอิ่ม -_-"

ส่วนเมนูเด็ดของที่นี่ คือ หมูซูตงพัว (ชื่อคล้ายๆอย่างนี้) คือหมูสามชั้นที่ชั้นไขมันหนาประมาณ 3 cms or more ต้มเค็มหวาน

ตั้งชื่อตามเจ้าเมืองสมัยราชวงศ์อะไรไม่รู้ ซึ่งเป็นที่รักของประชาชน เจ้าเมืองคนนี้ชอบกินขาหมูพะโล้แบบนี้ ยิ่งมันหนายิ่งชอบ

คืนแรกที่มาถึงเมืองนี้ ชั้นกินเข้าไปแล้ว เผอิญเทน้ำแข็ง แล้วน้ำแข็งหล่นลงไปในชามหมูซูตงพัว ขนาดรีบหยิบน้ำแข็งออกมาจากชาม ไขมันมันเกาะน้ำแข็ง ขาวขุ่นแข็งเหมือนน้ำตาเทียนเลย น่ากลัวมากๆ
ผลการทดสอบด้วยน้ำแข็ง
แล้วเราเพิ่งกิน coke เย็นเจี๊ยบเข้าไป นึกสภาพไขมันอุดตันในเส้นเลือดขึ้นมาทันที รีบขอชาร้อนมาดื่มตามด่วน

ไปก่อนนะ
อยากได้อะไรทางนี้ บอกมานะจ๊ะ ..ขาหมูซูตงพัวมั้ย :)
จ้อย

PS มีคนบอกว่าใบชาที่ดีที่สุด ต้องเก็บตั้งแต่เช้าตรู่โดยสาวพรหมจรรย์ ..haha งั้นชาหลงจิ่งที่โจกับพันซื้อมาก็ไม่ใช่ชาดีที่สุดสินะ เพราะว่าลูกสะใภ้ของเจ้าของบ้าน เป็นคนไปเก็บใบชาทุกเช้า อิอิอิ

โฉมหน้าคุณลูกสะใภ้
********************************
From: Jaew
Date: Thu, 30 Oct 2008 08:33:35 +0700

เอ้า...เรื่องของพี่--ซึ่งจริงๆคือเรื่องของจ้อย--ก่อนละกัน
ตกลงพี่อู๋เค้าจะไปเอาสายจั๊มพ์ที่อยู่ในรถซีวิคคันเก่าที่บ้านป้าเป้ แต่ต้องไปเอาวันเสาร์
แล้วเค้าจะมาลองจั๊มพ์สตาร์ทรถจ้อยให้วันเสาร์อ่ะแหละ จ้อยกลับมาพอดี
หรือจะให้มาวันอาทิตย์ดี เพราะถ้าสตาร์ทติด จ้อยจะได้ขับไปเปลี่ยนที่อื่น ที่ไม่ใช่หน้าปากซอยไง
ของพี่เปลี่ยนที่ Autoserve เทสโก้ พระราม 4 ดีมาก นี่ตั้งหลายเดือนแล้ว ยังไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลย
รถจ้อยตอนนี้ก็จอดไว้เฉยๆนะ มันทำอะไรไม่ได้อ่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นของน้องๆค่ะ อ่านสนุกดี ชอบมาก แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ตาม หุหุ...
(ใจจริงแล้ว..พี่แอบฝากความหวังที่บั๊คมากกว่าใครๆนะ...)

ฝากบอกพันว่าเป็นกำลังใจให้ที่กล้าเสียงดัง เพราะเราไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว พันสู้ๆๆๆ...

แม่บอกว่ากินอะไรก็ระวังหน่อย เพราะจีนพบเมลามีนในไข่ไก่จากไก่ที่กินอาหารสัตว์ที่ปนเปื้อนเมลามีนด้วย

พี่แจ้ว

********************************
Subject: RE: hello from Shanghai again
Date: Thu, 30 Oct 2008 08:54:11 +0700
From: Buck

พี่จ้อย ...
สนุกจริงๆ ... โดยเฉพาะเรื่องที่ไป mouth แตกที่ front ของโรงแรม ... บรรยายซะเห็นภาพ ... คนสูงอายุทะเลาะกัน .. แล้วพี่จ้อยยอม (มัน) ได้งัย หละเนี่ย ... ไม่ใช่วิสัยของพี่เลยนะเนี่ย ... เขียนมาเล่าให้ฟังอีกนะ .. ชอบ เหมือนได้ไปด้วยเลย ...

พี่แจ้ว ... ผมไม่แน่ใจว่า bat เสื่อมหรือเปล่า เพราะได้ข่าวว่ารถพี่จ้อย start ไม่ติดตั้งแต่ วัน สองวันที่พี่จ้อยไปแล้ว เพราะปกติมันไม่น่าจะเร็วขนาดนี้ ... คงต้อง jump start แล้วไปร้านที่มีป้าย “ไดนาโม” ให้เค้า check ว่ามีไฟรั่วหรือเปล่าครับ ... ถ้าเปลี่ยน bat ไป แต่ไฟยังรั่วอยู่ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ ... หุหุ (ลงท้ายน่ารักเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นเลย ง.. ไม่น่าเชื่อ)

5555

********************************
From: Mon
Subject: RE: hello from Shanghai again
Date: Thursday, October 30, 2008, 8:57 AM

ขอลงท้ายด้วยคน หุหุ

********************************
Date: Wed, 29 Oct 2008 21:40:41 -0700
From: Pui
Subject: RE: hello from Shanghai again

โห จ้อย อ่านจนเห็นภาพ ทำให้ชั้นคงต้องบอกเพื่อน ๆ ว่าไม่ต้องกินแบบพื้นเมืองมากก็ได้ ชั้นกลัวไก่มันตามมาเข้าฝันอ่ะ (เธอฝันบ้างหรือเปล่า บรื๋อออออ)
ในตัวเมืองมีของ shopping มากไหม เพราะเพื่อนชั้นบอกว่าเราจะเน้นกิน และ ช็อป เพราะต้องออกไปดูเทนนิสตอนบ่ายทุกวัน ช่วงเช้าอาจตื่นสายเล็กน้อย จากนั้นกินและช็อป ไปดูเทนนิสตอนบ่ายสอง กว่าจะกลับคงใกล้เที่ยงคืน (ก็มันมีตั้งสี่คู่ต่อวัน) ชั้นเลยกะว่าเอาเงินไปอย่างมาก 3000 หยวน น่าจะพอ (รวมค่าโรงแรมด้วย เพราะยังไม่ได้แม้แต่ใส่เบอร์บัตรเครดิตตอนจอง มันจะเบี้ยวพวกชั้นไหมนี่)
นี่เมื่อคืน พี่ทำตามที่แจงและมลบอกอย่างรีบด่วน กลับถึงบ้านปั๊บ รีบหาแสตมป์ทันที เย้...ยยยยยยย ในที่สุดหาเจอ แต่สภาพมีรอยงอนิ้ดดดดนึง ต้องเอาหนังสือไปวางทับสักอาทิตย์ ตอนนี้ภาวนาใหญ่ให้มันราคาอย่างนั้นจริง ๆ 555

จ้อย ชั้นอ่านเรื่องพันวีนจนนึกภาพออกเลย 555 แต่สงสัยนิดนึงว่าพันขู่ว่าจะโทรหาญาติแล้วที่ฟร้อนท์เขารู้เหรอว่าญาติพันคือใคร แล้วสรุปพันโทรหาญาติหรือเปล่า ถ้าโทรต้องฝากบอกญาติให้โทรไปบอก ส.ค.บ. ของที่นั่นด้วยนะ ในเมื่อเถียงสู้ไม่ได้ เราก็ต้องเอาอำนาจเข้าข่ม อ่านแล้วชั้นละเสียวไส้ว่าไอ้บัตรเทนนิสของชั้นนี่มันเป็นบัตรจริงหรือบัตรปลอม เพราะมันดูก๊องแก๊งมาก ๆ เป็นบัตรกระดาษแข็ง ขนาดที่เมืองไทยยังเป็นพลาสติกเลย

********************************
From: Joy
Subject: tong li trip
Date: Fri, 31 Oct 2008 08:54:15 +0700

hello everyone
เมื่อวานไปเที่ยวซูโจวมา นั่ง Bullet train จาก shanghai ไปแค่ครึ่งชั่วโมงเอง แต่ว่าเราไปต่อรถ bus เก่ามากอีกประมาณ 40 นาที ไปเที่ยวเมืองเก่าชื่อถงลี่

ถังปิ้งมัน

มันเผาแสนอร่อย

บรรยากาศการค้าขายบริเวณท่ารถบัส

ในข้อมูลที่โจอ่านมา บอกว่าถงลี่อยู่ห่างจากซูโจว 18 kms เอง ..พันบอกว่าสงสัยนับหลักกิโลเมตรจากขอบเมืองซูโจว ตอนเย็นขากลับเข้าเมืองซูโจว ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงเลย
ถงลี่เป็นเมืองที่มีอายุกว่า 1,800 ปี เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมราชวงศ์หมิงต่อราชวงศ์ชิง ตึกรามบ้านช่องยังคงเป็นบ้านตั้งแต่ครั้งกระนั้น ภายในหมู่บ้าน มีคลองเล็กคลองน้อยเชื่อมต่อกันทั่วเมือง ระหว่างที่พวกเราล่องเรือไปตามคลอง เมื่อเราแหงนหน้าขึ้นก็จะเห็นสถาปัตบกรรมสะพานหินแบบโค้ง ไม่มีเสา ทั้งหมด 55 สะพาน และเราก็พบว่าสะพานที่เล็กที่สุดมีขนาดเพียงกว้าง 1 เมตร และยาว 1.5 เมตร เรือไม่สามารถผ่านไปได้

วิธีพายเรือของคนจีนเป็นแบบในหนังจีน คือยืนด้านหลังเรือ โยกไม้พายไปมา พันและโจพยายามตะเกียกตะกายลองพาย แต่ว่าทำไม่ได้ เรือเอียงไปเอียงมาจะฟาดตลิ่งอย่างเดียว ต้องเดินเซแซ่ดๆกลับมานั่งที่เดิม
เริงร่า

อาหารถูกปากและขึ้นชือของคนที่นี่คือขาหมูรสเลิศ สีน้ำตาลแดง วางขายเรียงรายอยู่ในถาด จะเลือกชี้และยืนกินหน้าร้าน หรือจะให้ใส่ห่อกลับบ้านก็ทำได้ทั้งสิ้น


คากิ
และเราได้เห็นสภาพบ้านเรือนของคหบดีและเศรษฐียุคนั้น ลักษณะเด่นภายในตัวบ้านต้องมีห้องน้ำชา ห้องรับรองแขกพิเศษในสมฐานะของผู้มาเยือน ห้องอ่านหนังสือ เป็นต้น ส่วนภายนอกต้องประกอบด้วย สวนน้ำ สวนหิน และสวนไม้ดัด ความงามของการตกแต่งเหล่านี้ ทำให้พวกเรางงงวย หาทางออกแทบไม่เจอ


บางบ้านจะมีหุ่นแสดงความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านในสมัยนั้น เสริมสร้างจินตนาการของเราให้บรรเจิดยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นความงามของบ้านโบราณเช่นนี้ ทำให้พวกเราตระหนักว่าเราต้องรีบกลับเมืองไทยไปทำงานหนักอีกมาก

..และถึงแม้จะทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสร้างบ้านที่มีความงามเพียงนี้ได้

...hahaa เป็นยังไงบ้าง สำนวนโจทั้งนั้น พยายามพิมพ์ตามที่โจพูด แต่พิมพ์ไม่ค่อยทันล่ะ

เมืองถงลี่น่ารักดี แต่มาเที่ยวช่วงนี้ฝนตกปรอยๆทุกวัน ฟ้าไม่สวยเลย อากาศไม่ค่อยดี

ถ่าย video คนให้อาหารปลา carp มาให้พี่ตูนดูด้วย เห็นแต่ปากปลาโผล่ขึ้นมารับอาหารเป็นปากกลมๆเต็มไปหมด (ดูในรูปแล้วน่ากลัวเหมือนกัน ปลามันเยอะมากไป)

วันนี้ลุงท้องเสีย คงเพราะเมื่อคืนไปกินเต้าหู้พะโล้จิ้มพริกเผ็ดๆ

เมื่อเช้าโจโจ้บอกว่าถ้ามี imodium ก็ให้กิน imodium
เราเอา motilium ที่แก้คลื่นไส้มา แต่ใจคิดว่าเป็น imodium เลยให้ลุงกิน
มารู้ตอนบ่ายหลังจากที่ลุงแกกินเข้าไป 2-3 เม็ดแล้วก็ยังถ่ายไม่หยุด และเราแวะไปดูของที่ร้านขายของร้านนึง ระหว่างที่พันต่อราคาของ คนขายเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบซอง imodium ขึ้นมา ถามพันว่ามี imodium รึเปล่า ถ้ามี Imodium คนขายขอยาและบอกว่าจะให้ส่วนลดพิเศษกะเรา!
อารามอยากได้ส่วนลดเลยรีบวิ่งไปหา จะเอา imodium มาซักเม็ดสองเม็ด พอขอดูซองเลยเพิ่งเห็นว่าเป็น motilium !!
โจโจ้บอกว่าโจเสียชื่อหมด ที่สั่งยาคนไข้โดยไม่ตรวจสอบซองยาซะก่อน
...รู้สึกผิดต่อลุงจริงๆ เพราะห้องน้ำที่ลุงจำเป็นต้องเข้าไปมันช่างน่าสะพรึงกลัวมาก

อากาศที่นี่ก็เย๊นเย็น ชั้นปวดฉี่บ่อยด้วย ต้องใช้วิธีให้ยายพันเข้าไปก่อน แล้วเรารอต่อพัน hahaha
หรือว่าเวลาขึ้น bullet train ต้องรีบพุ่งไปเข้าห้องน้ำรถไฟตั้งแต่รถยังไม่ออกจากสถานี เพราะเค้าจะเพิ่งทำความสะอาดมา แต่ว่าต้องมั่นใจว่าเราเป็นสถานีต้นทางนะ ถ้าเราขึ้นสถานีระหว่างทางก็อย่าเสี่ยงเข้าเลย

พี่ตา: จ้อยนึกว่าส่ง mail ให้พี่ตาด้วย แต่ไม่ได้ส่งแฮะ เลยส่งให้ mail นี้นะคะ
Buck: พี่ว่ารถพี่คง bat เสื่อมแหล่ะ เพราะว่ามันก็ประมาณ 2 ปีแล้วมั้ง ตอนแรกพี่ตั้งใจตั้งแต่ก่อนมาเที่ยวว่าจะเปลี่ยน bat หลังจากกลับจาก shanghai

พี่แจ้ว: ถ้าพี่แจ้วว่างก็ช่วยเอารถจ้อยไปเปลี่ยน bat ที่ autoserv ให้เลยละกันนะ :)

และพี่เจื้อยบอกว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวเรากลับ taxi กันเอง พี่แจ้วไม่ต้องไปรับหรอก

ปุ๊ย: เวลาปุ๊ยมา ขอแนะนำให้เอามีดที่ปอกผลไม้ได้ กับน้ำยาล้างผักผลไม้ขวดเล็กๆมาด้วยก็ดีนะ เผื่อปุ๊ยซื้อผลไม้กิน

ไปเที่ยวสวนแบบนี้ทำให้คิดถึงตอนที่ไปเที่ยวสวนใกล้ blue mountain กับอรกับเล็กที่ sydney ปีที่แล้ว

ส่งรูปขาหมูซูโจวมาให้ดูด้วย โจโจ้อุตส่าห์ซื้อกลับเมืองไทยไปให้แม่ชิม 2 น่อง

รูปหลังสุดอยู่ใน ancient hotel คือสวนสวยๆที่เค้าให้เข้าชม (เสียเงินเป็น package) เค้ามีส่วนที่ทำเป็นโรงแรม decorate เป็นแบบเก่าๆ โจโจ้อยากมาพักมาก

มาคราวนี้ดีที่พันมาด้วย เพราะพันพออ่านภาษาจีนได้ ตอนเด็กๆพันเรียน แต่พันบอกว่าเสียดายที่ตอนเด็กไม่น่าขี้เกียจเรียนเล้ย เลยพูดไม่ค่อยได้ ส่วนโจโจ้พูดเก่งกว่า แต่อ่านได้น้อยกว่าพัน

ถ้าไม่มีคนพูดจีนได้นี่ ชั้นเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองไม่ได้แน่ เพราะเค้าพูดกันแต่ภาษาจีน ขนาด front โรงแรมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะได้เลย

วันนี้จะไปเดินเล่นใน shanghai ฝนตกอีกแล้ว ตกทุกวันเลย

ไปละนะ
see you on Monday!

********************************
10/31/2008

good morning from shanghai
there is a shower again here
will go to yuyuan garden and buy some souvenirs

********************************

10/31/2008

เพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ เดี๋ยวจะต้องไป pack กระเป๋า เพราะว่าพรุ่งนี้อยากออกไป shanghai museum แต่เช้า
วันนี้หมดเวลาไปกับการเดินซื้อของบริเวณหน้า yuyuan garden ..ไม่ได้ไปเดินในสวนหรอก เดินซื้อของอย่างเดียวเลย

ซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กฝากเพื่อนๆ และฝากแตนกับวุ้นด้วย
ของตัวเองก็เพียบ หนุกดี ไปกับยายพันนี่ไม่มีห้ามปรามกันเลย มีแต่ยุส่ง

พันพาไป Gallery เล็กๆที่เคยไปซื้อภาพเขียนสีน้ำพู่กันจีน
ซื้อภาพแนวนี้มา แต่องุ่นไม่อลังการขนาดนี้

เข้าไปดูเลยได้กันมาคนละหลายภาพ ชั้นซื้อมาตั้ง 1,250 หยวนแน่ะ เป็นของที่จ่ายเงินเยอะที่สุดของ trip นี้

เมื่อเช้าที่นี่ฝนตก แต่พอตอนบ่ายไม่มีฝน ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะหอบข้าวของกันพะรุงพะรังหนักมาก

ตี๋น้อยนั่งทำการบ้านหน้าร้าน
will leave shanghai 17.25
will have to pack first :(

joy

********************************
11/1/2008

Subject: arrived

กลับถึงบ้านแล้วจ้า ตอน 4 ทุ่ม
อาบน้ำ รื้อของบางส่วนแล้ว เดี๋ยวจะเข้านอนแล้ว
น้องมิมองๆของที่ซื้อมาแล้วพูดว่าน้าจ้อยซื้ออะไรมาเนี่ย (ทำเสียงแบบจะพูดต่อว่าไม่ได้เรื่อง ชั้นต้องแก้ตัวว่าซื้อของฝากน้องๆที่ทำงาน เตรียมไว้เป็นของขวัญปีใหม่ :p)
น้องมิไปญี่ปุ่น ซื้อขนม ซื้อของอะไร ดูดีกว่าที่เราซื้อจากเซี่ยงไฮ้ทั้งนั้นเลย hahaha

ฟ้าบ้านเราใสกว่าที่ shanghai ช่วงนี้เยอะเลย ที่โน่นมีแต่หมอก

เมื่อคืนโจโจ้กับพันพาไปตรง the bund เลยไม่ได้เห็นอะไรเท่าไหร่ แล้วตามตึกก็ไม่ได้เปิดไฟประดับประดาด้วย ฝนก็ตกปรอยๆ ดูแป๊บเดียวก็รีบกลับโรงแรม

เรากินอะไรกันเนี่ย น่ากลัวจัง
ที่ตลกนั่งหัวเราะกันลั่น คือ เมื่อตอนกลางวันเมื่อวานนี้ที่พวกเราไป yuyuan garden ฝั่งแก๊งลุงป้า เค้าก็ไปเดินเล่น the bund เหมือนกัน
ตอนค่ำที่เจอกันตอนกินข้าวเย็น ลุงบอกว่าจะรอพันไปต่อราคาตุ๊กตากระโดดกระเด้งได้

พอพวกเราเดินไป the bund ตอนกลางคืนหลังอาหารเย็น พวกลุงป้าไม่ได้ไปด้วยกันกับเรา ตอนจะลงทางใต้ดินจะข้ามถนนไปฝั่งริมแม่น้ำ เห็นคนวางตุ๊กตานี่ขายกับพื้นหน้าทางลง โจโจ้ทักขึ้นมาว่านี่ไงตุ๊กตาที่ลุงอยากได้ !

เราเลยหันกลับมาดู มันเป็นตุ๊กตาทำจากไหมพรมตัวเล็กๆ ที่ขาเป็นเหมือนไหมญี่ปุ่นที่ใช้ทำการฝีมือตอนเด็ก

แล้วตุ๊กตามันกระโดดโลดเต้นได้จริงๆ โดยต้องใช้เสียงพูดของเราตะโกน พอคนขายพูดว่า "โจ้วฉี่หลาย" (คล้ายๆหยั่งงี้) ตุ้กตาก็ลุกเต้น
พอพูดอะไรอีกครั้ง ตุ๊กตาก็นอน
เราต่อจากตัวละ 8 หยวน เหลือ 4 หยวน ซื้อมา 5 ตัว 20 หยวน
พวกเราหัวเราะเฮฮากันใหญ่ ว่าตลกดีต้องพูดโจ้วฉี่หลายก่อน ตุ๊กตาถึงเต้น

พันบอกชั้นว่าให้ลองแกะตุ๊กตาที่เราซื้อออกมาจากถุงลองดูว่าเล่นได้รึเปล่า
ชั้นจะแกะถุงพลาสติกที่ห่อ คนขายก็คว้าไปพูดอะไรไม่รู้ และให้ Instruction เป็นกระดาษเขียนภาษาจีนมาด้วย
ไอ้เราเห็นว่าฝนตก เลยรีบๆไป ไม่ได้ลองจนได้
เดินคุยกันว่าจะโดนหลอกรึเปล่าหว่า

พอถึงบ้านปุ๊บลองเอาออกมาเล่นทันที ...ไม่ลุกขึ้นเต้นซักตัว!!
ลองบีบๆตุ๊กตาดู ก็ไม่มีเครื่องหรือถ่านอะไรอยู่ในตัวตุ๊กตาเลย ตุ๊กตานอนแบ่บอยู่กับพื้น เราเลยหัวเราะกันใหญ่ว่าโง่กันจริงๆ ไปกันตั้งหลายคน แต่ละคนก็เรียนกันมาไม่ใช่น้อยๆ
โจโจ้โทษชั้นว่าปกติเห็นจ้อยเป็นคนละเอียด ถ้าจ้อย okay ก็วางใจได้ พอคราวนี้เห็นจ้อยไม่ได้พูดอะไรก็เลยคิดว่า okay (เพราะวันก่อนโน้นไปซื้อ pin มีไฟกระพริบติดเสื้อกับโจโจ้ อันละ 2 หยวน ยังให้แม่ค้าเปิดไฟลองให้ทุกอันเลย ว่าไฟติดแน่ๆ ..จะเอาไว้ติดเสื้องานปีใหม่ของ office)

ยายพันก็ให้ชั้นลองแล้วนะ แต่พอเราไม่ลองก็ไม่มีใครทักท้วงอะไรนี่นา
บ้าจริงๆเลยคนจีนนี่ เจอขี้โกงเยอะจริงๆ
ที่เราซื้อของมาเมื่อวานก็เหมือนกัน ไปซื้อร้านขายส่งในตลาด แพงกว่าร้านขายปลีกริมถนนซะอีก

เมื่อวาน เราไป Shanghai Museum ด้วย
เค้าทำดีมากๆ เปิดให้เข้าฟรีด้วย (ดีตรงนี้ละ)
เหมือน museum ดีๆเมืองนอกเลย มีเวลาไปเดินประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ ยังเดินได้ไม่ทั่ว

ง่วงนอนแระ ไปนอนก่อนนะ


จ้อย

********************************

ภาพประกอบโดย: Joy on the Blog และ ลุง Froggy