Sunday, October 9, 2011

ขม้ำเกินพอดี ที่ Sushi Masa

เมื่อการเผชิญหน้ากับโจเกิดขึ้นที่ร้านอาหาร สิ่งที่ตามคือ อาการท้องอืด!

ด้วยการสั่งอาหารแบบ “จัดเต็ม!” และ “จัดอย่างดีมา!” ของโจ ทำให้มื้อนี้เรา 4 คน รับประทานกันไปจำนวน 8,300 บาท!! (คนอื่นอาจว่าจิ๊บๆ แต่สำหรับเราเกือบหน้ามืด)
ไหนว่าร้านนี้ถูกกว่าร้าน Miyatake ไงอ่ะ ฮือๆๆ

ที่ลองมากินร้านนี้กัน ก็เพราะเคยอ่านจากกระทู้ใน pantip ห้องก้นครัวว่า เชฟที่เคยอยู่ร้าน Miyatake คนหนึ่งลาออกมาเปิดร้านซูชิของตัวเอง ที่ซอยพญานาค ซอยที่อยู่ข้างๆโรงแรมเอเชีย รูปถ่ายในกระทู้ก็ช่างชวนให้น้ำลายสอ ปลาสีสดๆชิ้นตู้มๆ

อ่านกระทู้กระตุ้นต่อมน้ำลายที่นี่ ++ Sushi Masa ++

เราส่ง link ต่อไปให้ป้าแจ้วและญาติมิตรดู ป้าแจ้วแกว่องไวมาก ตามลายแทงมากินทันที และยังมากินหลังจากนั้นอีกหลายรอบ โฆษณาว่าปลาส๊ดสดและให้ชิ้นใหญ่ยักษ์ยิ่งกว่าที่ Miyatake ราคาก็ถูกกว่า อย่างเช่นซูชิ Engawa หรือครีบปลาตาเดียวเอามาพ่นไฟพอให้มีรอยไหม้ๆ ที่ Miyataka คำละ 150 บาท ที่นี่ 120 บาท เป็นต้น และเล่าว่าพาใครไปกิน ก็ติดใจไปตามกัน

พอดีกับที่โจเกิดอาการอยากกินปลาดิบมาหลายวันแล้ว เลยลองโทร.มาถามที่ร้านว่ามีโต๊ะว่างรึเปล่า ก็เกิดจะมีโต๊ะว่างพอดี๊ พวกเราเลยขึ้น BTS มาลงที่สถานีราชเทวี เดินเข้าซอยพญานาคไปไม่ไกล ร้าน Sushi Maza อยู่หน้าโรงแรม Siam Savanna ฝั่งขวามือของซอย (ด้านหน้าโรงแรมมีที่จอดรถตั้งหลายคันแน่ะ ขับรถมาก็ได้นะเนี่ย)

ร้านเป็นผนังกระจกโปร่งโล่งดี มีโต๊ะขนาด 4 คนนั่งอยู่หลายโต๊ะ ด้านในมี counter bar ยาว นั่งดูเชฟทำซูชิได้

มากินร้านซูชิ ก็นึกว่าจะกินซูชิ กะจะกิน Engawa ซักหน่อย
แต่โจถามหาเมนู Sashimi ชี้ไปที่รูป o-toro ที่เป็นปลาดิบที่แพงที่สุดของร้านทันที

น้องพนักงานก็ดีมาก นำเสนอปลาดิบชนิด o-toro เป็นชนิดชิ้นปลาก้อนเท่าฝ่ามือ มากันทั้งเนื้อทั้งหนังครบ ห่อ plastic wrap เอามาให้ดูที่โต๊ะเลย

พี่นุทำหน้าสยองเล็กน้อย กระซิบว่าเค้าเอาส่วนที่ไม่ดีมาขายเรารึเปล่า ทำไมเหมือนเนื้อหมูสามชั้นเลยล่ะ

พวกเราแก้ตัวแทนร้านว่าไม่หรอก ปลาดีมันเป็นอย่างนี้แหล่ะ มีมันแทรก

น้องพนักงานเห็นเราลังเลใจยังไม่ฟันธง จึงรีบเสริมว่าสั่งอย่างนี้คุ้มกว่าสั่งเป็น sashimi นะครับพี่ ปลาก้อนนี้ทำอาหารให้พี่ๆกินได้ตั้ง 3 เมนูเลยน๊า
ฟังโฆษณาเป็นไม่ได้ เรารีบโอเคทันที

ไอ้ก้อนปลาที่ว่านี้น่ะ 3,800 บาทจ้ะ!

โจบอกว่าชั้นลดความอ้วน ชั้นงดแป้งมื้อเย็น ไม่กินข้าว จงเอาปลาดิบรวมมาอีกจาน แต่ไม่ต้องเอา o-toro แล้ว เพราะเรามีแล้ว 1 ก้อน (แง๊! จะไม่กิน sushi ให้หนักท้องเร็วๆมั่งเลยเหรอเนี่ย)

น้องพนักงานแสนน่ารักบอกว่างั้นให้เชฟจัดมาเลยนะครับ จะจัดมาให้หลายๆอย่าง ให้ลองชิมกัน จัดมาเลยจ้าน้อง
มีออร์เดิฟเป็นถั่ววาซาบิมาให้เคี้ยวเล่น ระหว่างให้เรานั่งรออาหารด้วยความตื่นเต้น

ถั่ววาซาบิแสนอร่อย
อาหารจากก้อน o-toro มาแว้ววว ..
จานแรกเป็น sushi หน้า o-toro คนละชิ้น เรากินกันอย่างชื่นมื่นมาก เสียงอร่อยๆๆๆเซ็งแซ่ (จากเรา 3 คนนะ ไม่ได้ยินเสียงจากลุงนุ) 
หม่ำๆๆ O-toro Sushi
จานต่อมาเอามาทำเป็น Sushi
อึ๋ยยย นี่มันเนื้อปลารึว่าหมูสามชั้นกันแน่
ลุงนุเริ่มบ่นว่าปลาทำไมชิ้นใหญ่อย่างนี้ ทำไมมันมันเยอะอย่างนี้

Sushi นี่เชฟจัดมาให้คนละ 2 คำ – หั่นมาชิ้นใหญ่จริงๆ คำแรกง่ำเข้าไปแบบเต็มปากเต็มคำ ยังร้องอร่อยๆๆ อยู่

คำที่สองเริ่มต้องกัดครึ่ง เพราะชิ้นมันชักจะใหญ่เกิน

ระหว่างกิน sashimi ได้กลิ่นกุ้งเผาลอยมาจาก counter ครัว เราก็บ่นกัน “อยากกินกุ้งเผา”

ไม่ทันขาดคำ จาน sashimi รวมมาวางตรงหน้า
ไอ้กลิ่นกุ้งเผา มาจากหัวกุ้ง sashimi ในจานนี้นี่เอง เค้าเผาไฟมาเฉพาะส่วนหัวกุ้ง

ส่วนตัวกุ้งนอนมาเป็น sashimi ตัวเบ้อเริ่ม

ในจาน sashimi รวมนี้ประกอบด้วย อะไรโทโร่จำชื่อข้างหน้าไม่ได้อีกแระ เป็นส่วนที่แพงรองลงมาจาก o-toro แต่ละชิ้นใหญ่ยาวมากกก! (ฝั่งข้างบนหัวกุ้ง) แล้วก็มี Salmon มันปลาเป็นลายสวยเลย ซาบะดอง (ของโปรด) ปลาเนื้อแดงๆ (ละม้ายเนื้อวัว) แล้วก็ปลาอะไรไม่รู้(อีกแล้ว)เนื้อขาวๆ (ฮามาจิรึป่าวหว่า) แล้วก็กุ้งตัวเบ้อเริ่ม เนื้อมันวาวเชียว Sashimi แต่ละชนิด ให้มาอย่างละ 4 ชิ้น

แรกๆ ปลาชิ้นนึงต้องกัดแบ่งใส่ปากเป็น 2 คำ หลังๆเริ่มกัดแบ่ง 3 คำแล้ว เชฟจะหั่นชิ้นใหญ่ไปไหนกั๊น

นี่สภาพหลังจากกัดไปคำใหญ่แล้วนะ ยังเหลือกินได้อีก 2 คำ
 Sashimi ยังไม่ทันหมด Rainbow Roll มาวางอีกจาน ในจานมี 8 ชิ้นยักษ์
ใส่มายองเนสมาซะไส้เยิ้มเชียว

ปากดีชั้นกว้างมากแล้ว ยังขม้ำเข้าไปได้ไม่หมดคำเลย

ถึงตอนนี้เริ่มเลี่ยนปลาดิบแล้วอ่ะ ขอเติมขิงดองแก้เลี่ยนแบบขอเค้าเพิ่มแล้วขอเพิ่มอีก

0-toro จานที่สาม คือเอาส่วนหนังติดกับเอ็นมาหั่นเล็กๆ แล้วเผาไฟ เอามาทำยำ (รสชาติยำเหมือนที่ Miyatake เรย) เราจิ้มกับคนละหนุบหนับ ..แก้เลี่ยน

แน่ใจนะว่าไม่ได้เอาเอ็นเนื้อมายำให้พวกพี่กิน?
น้องพนักงานเดินมาถามว่าอาหารอร่อยมั้ย ยายพันตอบเสียงใสว่าอร่อยมาก หยั่งกะกินสัตว์น้ำไปทั้งมหาสมุทร ท้องพี่น่ะเป็น Ocean World ไปแล้วจ้ะ
น้องชวนคุยต่อว่า Recommended Menu ของร้านนอกจาก O-toro ก็เป็น Foie Gras Sushi -ซูชิหน้าตับห่าน (ว้าย ตับห่านของโปรดอีกแล้ว)
โจว่าอยากจะลองซักอัน น้าพันก็เอาด้วย น้าจ้อยเอามั่ง จะได้กินของสุกมั่ง กินแต่ของดิบมาซะทุกจาน
แต่ลุงนุส่งเสียงอย่างมั่นใจ “เราไม่เอาแล้วนะ!”

Recommended Menu นี้เค้าอร่อยจริง Foie Gra ชิ้นอวบอ้วน โจบรรยายว่ากัดเข้าไป(ไข)มันแตกพุ่งเต็มกระพุ้งแก้ม

หลังจาก Foie Gra Sushi หมดคำ (คำใหญ่ซะต้องแบ่งกัดเป็น 2 คำน่ะ) น้าจ้อยหันกลับมาที่จาน Sashimi เพื่อละเลียดปลาดิบต่อ

ฮือๆ โควต้าเรายังกินไม่ครบเลย อยากลองกุ้งนะ เพราะจำได้ว่าตอนไปตลาดปลา Tsukiji ที่โตเกียว กิน Sushi กุ้งสด หวานอร่อยน้ำตาแทบไหลเลยเชียว น้าจ้อยเลยยกปลาดิบที่ไม่รู้ปลาอะไร (รู้แต่ชิ้นมันใหญ่มั่ก ต้องม้วนมาเลย) ให้คนที่ยังกินปลาดิบไหวกิน แล้วก็ Rainbow Roll อีกชิ้นด้วย (ไม่รู้ใครกิน เงยหน้ามาอีกทีอาหารหายไปหมดแล้ว)

ลองเอากุ้งจิ้มน้ำยำหนังปลา o-toro เผื่อจะให้หายมันเลี่ยนมั่ง ปรากฏว่าพอจุ่มกุ้งลงไปน้ำมันแผ่กระจายเต็มน้ำยำ (ในใจเริ่มผะอืดผะอมมาตั้งแต่กินปลาดิบชิ้นแดงๆแล้ว เพราะดันไปนึกถึงเนื้อวัวดิบ แต่ต้องกินกุ้งเข้าไปให้หมดตัวด้วยความเสียดาย ใครเค้าจะกล้ากินต่อเรา)

กินกุ้งดิบหมดตัว ไม่ไหวแล้ว ขอซุปร้อนๆซักคนละชามซิจ๊ะ ...ค่อยยังชั่วหายเลี่ยนไปหน่อย (ซุปนี่ก็รสชาติเดียวกับที่ Miyatake ละ)

คุยโน่นคุยนี่กันซักพัก เรียกน้องเช็คบิล ยังคิกคักทายกันใหญ่ว่ามื้อนี้เท่าไหร่ โดยเรารู้ราคา otoro ว่า 3,800 กับ Foie Gra Sushi คำละ 280 บาท ทายกันว่าน่าจะไม่เกิน 6 พัน

เลขที่ออกคือตัวเลขที่บอกตอนต้นนั่นเอง

จ๊าก!! Sashimi รวมจานละ 3,300 ! แพงเกือบเท่า o-toro แน่ะ ปลาอะไรแพงวะเนี่ย Salmon กับซาบะดองก็ไม่น่าจะเกินชิ้นละ 50 บาท สงสัยจะไอ้กุ้งยักษ์มันแผล่บนี่แน่เลย

เชฟถึงกะขอชื่อและเบอร์โทรศัพท์พวกเราเลยล่ะ นี่ถ้าไม่ส่งบัตรลดราคามาให้ โจบอกมีโกรธ (ยังจะมากินอีกใช่มั้ย)

หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย น้าจ้อยเกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อยไปสามวัน ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะกินของดิบเยอะเกินไป หรือว่าเกิดจากเห็นราคาอาหารก็ไม่รู้ แง!

Sushi Masa โรงแรม Siam Savanna ซอยพญานาค (BTS สถานีราชเทวี)
ทร. 02-215-9289