Tuesday, November 23, 2010

เชียงใหม่ไดอารี่ ปี 53 (3)

มื้อเช้าวันนี้ คุณครรชิตพาไปกินน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ แถวกาดหลวง อร่อยๆๆ ชอบๆ
ป้ากับน้ากินน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ หน้าทางเข้าตลาดวโรรส ฝั่งตรอกเหล่าโจ๊ว ตรงข้ามกับศาลเจ้า อร่อยมากทั้งน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋เลยเชียว

ส่วนเด็กๆไม่ยอมกิน รอจะไปกินปาท่องโก๋สัตว์ประหลาด โกเหน่ง ซึ่งต้องเดินทะลุไปออกอีกฝั่งของตลาด ถนนมีรถสองแถว รถส่งของจอดเยอะเลย หน้าปากซอยร้านปาท่องโก๋โกเหน่งมีสาขาธนาคารธนชาติ (คิดว่าใช่นะ)

กำลังทำปาท่องโก๋ไดโนเสาร์ของก๊าบ
ผลงานเมื่อเสร็จเรียบร้อย
ช้างของน้องมิ

โกเหน่งใจดี ทำรูปจระเข้ให้ดูด้วย
กินเสร็จเดินดูของกระจุ๊กกระจิ๊กแบบราคาขายส่งในตรอกเหล่าโจ๊ว ต้องเดินลัดเลาะไปทางซอยข้างหลัง ได้ของน่ารักๆราคาไม่แพงมาพอสมควร น้องมิซื้อกระเป๋าผ้าเล็กๆมาฝากเพื่อน ถูกกว่าที่ขายในถนนคนเดินมาก รองเท้าแตะ slipper ก็ถูก
แผงขายพู่น่ารักในซอกซอย
วันนี้เราไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ อยู่เชิงเขาที่ขึ้นไปดอยสุเทพ หน้าสวนสัตว์มีเสื้อยืดกางเกงชาวเลสีน่ารักๆ กะว่าดูสัตว์เสร็จแล้วจะเดินออกมาดู เอาเข้าจริง ลืมไปเลย อดซื้อ
เรามุ่งหน้าไปดูหลินปิง แต่ทั้งหลินปิงทั้งหลินฮุ่ย นอนหลับกันทั้งแม่ทั้งลูก

หลินฮุ่ยนอนมุมซ้าย หลินปิงหลับหันหลังให้ทางมุมซ้าย - เห็นมั้ย?
เราเลยเดินไปห้องต่อไป ดูช่วงช่วงมั่งช่วงช่วงกำลังนั่งกินต้นไผ่อย่างเอร็ดอร่อย


อิ่มแล้วก็ต้วมเตี้ยมไปนอนพาดขอนไม้ แกว่งขาสบายใจเชียว


หลินฮุ่ยหลินปิงไม่ยอมตื่น เราเลยนั่ง Shuttle Bus ไปที่ Aquarium ดูสัตว์น้ำ สนุกดี คนไม่เยอะ (ดีด้วย ได้ตั๋วแบบ ซื้อ 1 แถม 1)
บริเวณหน้า Aquarium
ตู้ปลาสวยดี
อุโมงค์กระจก
ที่สวนสัตว์เชียงใหม่มี Shuttle Bus ให้นั่งรอบสวนสัตว์ซึ่งกว้างขวางมาก ถ้าเราอยากแวะลงตรงไหนก็ลงได้ และรอขึ้นรถคันต่อไป แต่นั่งได้แค่รอบเดียว ถ้าจะนั่งอีกรอบก็ต้องซื้อตั๋วใหม่


สวนสัตว์เชียงใหม่ต้นไม้สวย ร่มรื่น และเนื้อที่กว้างขวางมากๆ แค่นั่งรถของสวนสัตว์ ฟังคนขับรถบรรยายยังตั้งนานแน่ะ กว่าจะครบรอบมาจบที่จุดตั้งต้นหน้าประตูสวนสัตว์ แล้วคนขับรถแต่ละคันเค้า entertain ผู้โดยสารเก่งมาก พูดตลกๆให้คนฟังไม่เบื่อ คอยชี้ชวนให้ดูสัตว์ต่างๆ แค่นั่งรถดูรอบสวนสัตว์ก็สบายดี ไม่ต้องเดินเยอะ


กลางวันไปกินข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ที่ร้านลำดวน ถนนฟ้าฮ่าม อร่อยอีกแระ (อ่านมาว่าร้านนี้มีสาขาที่กรุงเทพด้วย อยู่ซอยวิภาวดี 58 ถนนวิภาวดี-รังสิต)
ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านลำดวน
อ่านในหนังสือนำเที่ยวเชียงใหม่ บอกว่าที่ร้านลำดวน มีขนมรังผึ้ง (Waffle นั่นเอง) อร่อยมาก แต่เราเดินไปดูแล้ว เค้าทำทิ้งไว้นานแล้ว เหลือแค่ไม่กี่ชิ้น และไม่ทำใหม่แล้วด้วย ดูไม่น่ากิน เลยไม่กินดีกว่า

ตอนบ่ายน้องมิน้องก๊าบอยากไปจับลูกเสือเล่นที่คุ้มเสือ อยู่ที่แม่ริม ค่าเข้าไปลูบคลำเสือแพงมากเลย
ถ้าลูกเสือขนาดเล็ก ค่าเข้าไปจับเล่น 520 บาท ต่อ 15 นาที!
ถ้าเสือขนาดกลางและขนาดใหญ่ ค่าเข้าไปลูบเสือ ถ่ายรูปกับเสือ 320 บาท
(คนคงอยากเล่นกับเสือเล็กมากกว่าเสือตัวใหญ่ เลยแพงกว่า)

ที่นี่มีแต่ฝรั่งมาเที่ยว ..ก็ราคาตั้งขนาดนี้อ่ะนะ
(เห็น Brochue ของสวนเสือศรีราชา ราคาถูกกว่านี้มาก)

น้องก๊าบเล่าว่าในห้องที่เค้าพาไปมีลูกเสือประมาณ 6-7 ตัว แต่ส่วนใหญ่มันนอนหลับกันหมด เพราะเสือจะนอนเฉลี่ยประมาณวันละ 18 ชม.แน่ะ
แล้วลูกเสือรุ่นนี้ตัวมันก็ใหญ่เกินกว่าจะอุ้มไหวแล้วด้วย
หมีแพนด้าคงนอนเยอะพอๆกัน เพราะหลินฮุ่ย หลินปิงหลับกันคร่อก ช่วงช่วงกินอิ่มก็หลับต่อทันที

อันนี้เป็นรูปที่เด็กๆถ่ายมา

ลูกเสือหน้าตางงๆ
คุณยาย คุณแม่ คุณน้า นั่งรอเด็กๆอยู่ที่ Lobby ข้างนอก ให้หลานๆเข้าไปด้านในคุ้มเสือ โดยมีเจ้าหน้าที่พาเดินไปด้วย
ที่บริเวณ Lobby มีตู้ปลา Spa เท้าให้ทดลองใช้บริการ มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นต่างชาตินั่งแช่เท้ากันนานมาก ไม่เลิกแช่กันซะที ตอนแรกว่าจะลองแช่เท้ามั้ง แต่ดูเด็กพวกนี้แช่แล้วไม่กล้าเอาเท้าแช่ต่อเลยเรา

พวกเสือขนาดใหญ่เราสามารถมองเห็นจากบริเวณ Lobby มองเห็นฝรั่งเข้าไปลูบเสือ ไปถ่ายรูปคู่ แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา


คุณครรชิตเล่าว่าเคยมีนักท่องเที่ยวถูกขย้ำ เย็บตั้งหลายสิบเข็ม เห็นว่าเป็นเพราะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่เค้าดูแลเสือน่ะ แต่ถ้าเสือขนาดเล็กเรามองไม่เห็น เด็กๆต้องเดินไปด้านหลัง ถ้าให้มองเห็นได้ คนคงไม่เสียเงินเข้าไปเล่น

ออกจากคุ้มเสือ น้องก๊าบขอไปเที่ยวน้ำตกบ้าง รถตู้เลยพาไปน้ำตกแม่สา ซึ่งอยู่ถัดจากคุ้มเสือไปไม่ไกล (ระหว่างทางผ่านป้ายร้านกาแฟวาวี ซึ่งเค้าว่าสาขาที่สวยที่สุดของกาแฟวาวีเลยนะ เสียดายจังที่ไม่ได้แวะ)

น้ำตกแม่สามีทั้งหมด 10 ชั้น รถขึ้นไปได้ถึงชั้น 3 จากนั้นต้องเดินขึ้นไปเอง มีน้าจ้อยนี่ล่ะ ต้องเดินขึ้นไปกับน้องก๊าบ คนอื่นขอนั่งรอกันหมด น้องมิบอกว่าหนูไม่ชอบอยู่แล้ว พวกเที่ยวป่าเที่ยวน้ำตก (เธอชอบเที่ยวห้างสรรพสินค้า เที่ยวเมืองนอก)


เดินไปกลับขึ้นลงเขา 2 กิโลกว่า เหนื่อยหอบเหมือนกัน รีบซื้อน้ำกิน

กลับเข้าเมือง พี่เจื้อยขอแวะนั่งพักกินกาแฟที่ร้านกาแฟวาวี สาขานิมมานเหมินทร์ สั่งกาแฟกินกับ Coconut Pie หรือ Tart อะไรนี่ละ อร่อยอีกแล้ว


ของอร่อย
จากร้านกาแฟ เราตั้งใจจะไปเดินดูของที่ถนนคนเดิน ถนนวัวลาย แต่ฝนตกลงมาอย่างหนัก เลยแวะกินอาหารเย็นให้เรียบร้อยก่อนเลยดีกว่า
เย็นนี้กินอาหารอิตาเลียน คุณครรชิตแนะนำว่าร้านนี้อร่อย ชื่อ "Giorgio" เจ้าของร้านเป็น Italian ภรรยาไทย เราไปถึง 6 โมงสี่สิบ มีคนกินอยู่แล้ว 2-3 โต๊ะ นั่งแป๊บเดียวคนเต็มร้าน คนต่างชาติมากินเยอะเลย บรรยากาศเหมือนกินอยู่เมืองนอกทีเดียว แต่ในร้านไฟสลัวมาก ถ่ายรูปได้ไม่ชัด


กินเสร็จ ไปเดินถนนคนเดินที่วัวลายต่อ


เดินประมาณชั่วโมงนึง แล้วนั่งรถกลับโรงแรม ถึง 3 ทุ่มนิดๆ ภรรยาคุณครรชิตโทรมาบอกว่า Germany ยิงประตูเข้าไปได้แล้ว 1 ลูก

(อ่านตอนต่อไปได้ที่ เชียงใหม่ไดอารี่ ปี 53 (4))

No comments: