Thursday, September 29, 2011

สุดสัปดาห์ @เขาใหญ่

เป็นประจำกับการไปซื้อ Voucher ที่พักโรงแรมจากงานท่องเที่ยวทั่วไทย แล้ว Voucher จะหมดอายุสิ้นเดือนกันยายน เราจึงต้องรีบจองห้องพักที่ "ชาโต เดอ เขาใหญ่" ในวันสุดสัปดาห์เกือบสุดท้ายของเดือนกันยายนนี่ละ

ออกเดินทางจากกรุงเทพสิบโมงกว่าแล้ว แวะเติมน้ำมันเต็มถังที่ปั๊มปตท.บ่อนไก่ ก่อนขึ้นทางด่วนขั้น 1 ไปลงดินแดง แล้วต่อดอนเมืองโทลเวย์ยาวไปลงสุดทางเลย ป้าเจื้อยขับเพลินไปหน่อย ถึงด่านจ่ายเงินก่อนลงโทลเวย์ เจอตำรวจยืนจังก้าขวางหน้ารถเลยวุ้ย ถามว่ารู้มั้ยว่าขับมาเท่าไหร่ ป้าบอกไม่ทราบค่ะ ตำรวจบอก 133 (ป้าคิดในใจว่าชั้นขับเร็วกว่านั้นอีกย่ะ) จ่ายค่าปรับไปตามระเบียบ

จากถนนมิตรภาพ เลี้ยวเข้าถนนธนะรัชต์ ประมาณกิโลเมตรที่ 3 จะมีร้าน “บ้านสวนฝรั่ง” ที่ป้าเจื้อยเคยซื้อน้ำฝรั่งและฝรั่งสดอร่อยๆกิน แต่คราวนี้เราขอผ่านไปก่อน

ประมาณกิโลเมตรที่ 10 น้องก๊าบบอกว่าจำได้ว่าเลี้ยวโค้งขวาแล้วเลยไปหน่อย ก็จะถึงร้าน “ครัวเขาใหญ่” ละ ถึงครัวเขาใหญ่จุดหมายแรกของเราในวันนี้ตอนเที่ยงครึ่ง คราวนี้คนไม่เยอะเหมือนตอนที่เราพาพ่อมากินปีที่แล้ว

ตอนออกจากกรุงเทพ โทร.มาจองโต๊ะ คุณลุงหนุ่ยรับสายบอกว่าไม่ต้องจองหรอก แต่ให้โทร.หาคุณลุงหนุ่ยก่อนจะมาถึงร้านประมาณครึ่งชั่วโมง คุณลุงหนุ่ยจัดโต๊ะหน้า Cashier ให้

อาหารที่ทุกคนตั้งใจมากิน คือ แฮมซี่โครง ซี่โครงอ่อนจะติดมัน ซี่โครงแก่ไม่มีมัน อร่อยทั้งสองอย่าง
จานนี้น่าจะซี่โครงอ่อน เพราะมันเยอะเชียว (อร่อย!)
สั่งแกงป่า ไข่เจียวปลาเค็ม แล้วก็ผัดวุ้นเส้นฟองเต้าหู้ญี่ปุ่น
แกงป่าไก่ (หน่อไม้อ่อนๆน้อยไปหน่อย มีแต่มะเขือ)
ไข่เจียวปลาเค็ม
ผัดวุ้นเส้นกับฟองเต้าหู้ญี่ปุ่น

สั่งปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบไปด้วยแหล่ะ ดีนะที่เค้าไม่ได้จดออร์เด้อร์ไป แค่นี้ก็จะกินไม่หมดแล้ว

กินทุกอย่างแล้วทุกคนลงความเห็นเหมือนเดิมว่าแฮมซี่โครงอร่อยที่สุด!

เคยสั่งฟองเต้าหู้ญี่ปุ่นทอด (60 บาท) มันอมน้ำมันมากไป

ฟองเต้าหู้ญี่ปุ่นทอด ที่เคยสั่งคราวก่อน

ไข่เจียวปลาเค็มที่สั่งวันนี้ก็เหมือนกัน ยิ่งกินยิ่งรู้สึกว่าน้ำมันเยอะจัง

คุณยายสั่งไอติมกะทิทรงเครื่อง คุณยายสั่งไปแล้วน้าจ้อยนึกได้ว่าถ้าเป็นเจ้าที่มาเช่าที่ของร้านนี้ขาย ที่คราวก่อนเราเคยสั่งมากินมันไม่อร่อย ซึ่งคราวนี้ก็ยังไม่อร่อยอยู่ดี คุณยายลมเสีย บอกว่าทำไมไม่บอกกันก่อน (ก็ตอนแรกมันลืมน่ะค่ะ)

แต่มะพร้าวเผาลูกละ 20 บาทที่ขายตรงที่จอดรถหอมหวานอร่อยมาก ป้าเจื้อยซัดไป 2 ลูก
ป้าเจื้อยสาธิตการลอกเนื้อมะพร้าวออกจากเปลือกโดยไม่ขาด
วันนี้สั่งน้ำองุ่นยี่ห้อ Max.. อะไรซักอย่าง ชิมดูรสคล้ายไวน์มากกว่า คุณลุงหนุ่ยเปลี่ยนใหม่ให้ เราเลยขอเป็นยี่ห้อ Granmonte แทน ไม่กล้าสั่งยี่ห้อเดิม คราวนี้ค่อยเป็นน้ำองุ่นรสชาติคุ้นเคยหน่อย
กลายเป็นไวน์ไปซะแระน้ำองุ่น
น้องก๊าบสั่ง Strawberry Short Cake ที่อยู่ในตู้เค้กหน้าร้านมากิน 1 ชิ้น ราคา 85 บาทแน่ะ ราคาพอๆกับที่กรุงเทพ ถามชายหนุ่ม(ยังเด็กๆอยู่เลย)คนขาย เล่าว่าเค้าทำกับพี่สาว ไปเรียนมาจากที่กรุงเทพ คือเค้าก็เป็นคนกรุงเทพน่ะแหล่ะ มาเช่าที่หน้าร้านครัวเขาใหญ่ขาย มาเขาใหญ่ตั้งแต่เมื่อคืน และเร็วๆนี้จะเปิดเป็นร้านเค้ก มีชา-กาแฟขายด้วย ที่ Paradise Park ชื่อร้าน “Piece of Cake” นี่เค้าก็ทำเค้กมาจากกรุงเทพ (อุ้ย - เค้กก็ค้างคืนมาแล้วดิเนี่ย)
มุงดูขนมเค้กในตู้แช่
เค้กหน้าตาดี
เจ้าของร้านบอกว่า Signature Cake ของร้าน คือ Strawberry Short Cake กับ Coconut Cake (75 บาท)
เราซื้อกลับมากินต่อที่โรงแรม น้องเค้าลืมใส่กระปุก Strawberry Sauce สำหรับ Short Cake มาให้ด้วย เลยอดชิม Sauce เลยเรา น้าจ้อยกิน Coconut Cake เนื้อเค้กกับมะพร้าวอ่อนนุ่มนิ่มดี (แต่มีกลิ่นใบเตยหรือกลิ่นอะไรแรงไปนิดนึง) ครีมก็เป็น Whipped Cream ฟูๆเบาๆ ไม่เลี่ยน
2 Signature Cake ของร้าน
ชาโต เดอ เขาใหญ่ (Chateau de Khaoyai)
Voucher ที่พักที่เราซื้อมาจากงานไทยเที่ยวไทยเมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา เป็นห้อง Standard ราคาห้องพักรวมอาหารเช้า ห้องละประมาณพันเจ็ด

จากสามแยกที่จะขึ้นเขาใหญ่ เราเลี้ยวซ้ายมาตามถนนที่ไปทะลุออกวังน้ำเขียวได้ ประมาณกิโลเมตรที่ 7 จะเป็น Kirimaya วิ่งต่อไปอีก 2 กิโลกว่าก็จะถึง ชาโต เดอ เขาใหญ่ ที่หมายของเรา

ตอนเช็คอิน เจอกองถ่ายละครช่อง 3 เรื่องสามหนุ่มเนื้อทองตรงหน้า Lobby ด้วย ถูกใจคนบ้าดาราอย่างพวกเรา (ป้ากะน้า) จริงๆ มีคิมเบอร์ลี่กะน้องหมากและพระเอกใหม่อีกคน (ป้าไม่รู้จัก) เข้าฉากกันอยู่

เราได้พักที่ตึก Monet House เป็นตึกสองชั้นสีชมพู หน้าต่างสีเขียวเข้ม ใกล้กันเป็นบ้านหลังใหญ่สีฟ้า 2 ชั้น ชื่อ Victoria House ถามจากคุณพ่อบ้านที่ดูแลตึก คุณพ่อบ้านบอกว่าบ้าน Victoria House มีห้องพักทั้งหมด 7 ห้อง ถ้าเหมาทั้งตึกเราก็สามารถใช้ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องกินข้าวได้เป็นส่วนตัวของเราเลย (น่าไปพักๆ)

ตึกสีฟ้าด้านหลังคือ Victoria House
ห้องพัก Standard ของเราห้องเล็กไปหน่อย ออกจะเก่าด้วย หลานสาวบ่นอีกแล้วว่าแมลงก็เยอะ ห้องน้ำก็เก่า - ชิ!
เตียงนอนขนาดเล็กไปหน่อย (3 ฟุต)
จากหน้าต่างห้องพัก มองเห็นทิวเขา
เข้าห้องพักเก็บของเรียบร้อย พวกเราก็ทิ้งคุณยายให้นอนดู TV ในห้อง แล้วเราก็ขับรถไป Palio

จำไว้ว่า Palio อยู่ติดจุลดิศ แล้วเราก็จะไม่ขับรถเลยที่หมาย

ที่จอดรถก็ไม่เต็มนะ หรือว่าเสาร์อาทิตย์นี้ไม่ใช่ Long Weekend คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่

เดินมาเจอ Jim Thompson Farm เห็นกระเป๋าผ้าฝ้ายหูหิ้วสั้นๆ กะจะซื้อไว้ใส่กระเป๋าตังค์เวลาไปกินข้าวกลางวัน ดูราคาแล้วตกกะใจ ตั้ง 650 บาทแน่ะ ม่ายอาวดีกว่า..

ป้าเจื้อยพาไปกิน Vampire Snow Ice ใส่ topping อย่างเดียว 59 บาท สองอย่าง 69 บาท อร่อยๆ


บ่ายสามโมงตรง ทาง Palio มีเดินแฟชั่นแฟนซีหน้ากากประกอบดนตรี หลังจากนั้นเหล่าแฟนซีหน้ากากก็เดินลงมาให้คนมาเที่ยวถ่ายรูปด้วย


ฝนเริ่มตก เราเลยเดินไปนั่งกินอะไรร้อนๆ (ยังกินไม่เลิก) ที่ร้านกาแฟ Azure
ลาเต้เย็น กับ ชอคโกแล็ตร้อน

เค้กที่นี่อร่อยดี น้องมิชอบ Carrot Cake ของที่นี่มาก Macadamia Chocolate ก็อร่อย เค้ารับมาจากร้านเค้กในกรุงเทพอีกที (ทำให้สงสัยว่าที่เขาใหญ่ไม่มีคนทำเค้กอร่อยเด็ดบ้างเลยเหรอ ทำไมต้องทำเค้กมาจากกรุงเทพกันทั้งนั้น) เห็นว่าจากร้าน Sugaroma

ฝนตกจั้กๆๆ นักท่องเที่ยวหายหมด (คงแยกย้ายไปนั่งกันตามร้านกาแฟหลบฝน) ซัก 5 โมงเย็น ฝนซา เราเดินไปเข้าห้องน้ำ คนหายเกลี้ยงจริงๆ เห็นแล้วสงสารร้านค้าในนี้จัง วันนี้เป็นวันเสาร์น่าจะได้เป็นวันทำเงินของเค้า ฝนก็มาตกซะเกือบ 2 ชั่วโมง

ได้เวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ เรากลับโรงแรม จะได้รับคุณยายออกมากินอาหารเย็น

ออกจากโรงแรมหกโมงครึ่ง ฟ้ามืดแล้ว ถนนจากโรงแรมออกมาธนะรัชต์มืดตึ๊ดตื๋อ ฝนก็ตก เข้าถนนธนะรัชต์ค่อยยังชั่ว พอมีแสงไฟหน่อย

เราลองมากินที่ร้าน The Smoke House กัน ร้านอยู่ติดๆกับโรงเรียนนานาชาติ St. Stephen’s ค่อนมาทางต้นๆถนนธนะรัชต์ ช่วงกิโลเมตรที่ 6.5
คุณยายต้องปีนบันไดอีกแล้ว เดินเข้าไปในร้านตกกะใจอีก คนรอเยอะเชียว พวกเราได้คิวที่ 4 ระหว่างรอเดินดู Section ที่เค้าขายอาหารแก้เบื่อ มีทั้งขนมปัง ครัวซองต์ (อร่อยมากๆ แต่ราคาชิ้นละ 65 บาท!) คุ้กกี้ น้ำผึ้ง Olive Oil, Balsamic Vinegar ไส้กรอก ผักปลอดสาร องุ่นไร้เมล็ด ลูกพลับ ไวน์ก็มี มีป้าย Wine Connection ปักอยู่

ส่วนตู้เค้กก็มีเค้กหน้าตาน่ากินหลายอย่าง มี Macaron ด้วย

ที่นี่อาหารอร่อยแฮะ คุณยายชอบ (ตอนแรกพวกเรานึกว่าคุณยายจะลมบ่จอย บอกว่าไม่อร่อยซะแล้ว) บอกว่าน้ำส้มคั้นเย็นเจี๊ยบอร่อยมาก

แต่เจ้ามิน่ะสิ สั่ง Gin Tonic แก้วละ 195 บาท! แล้วจิบไปอึกเดียว หนอยๆ (เสียดายเงิน)

Pizza Parma Ham อร่อยๆ ใส่ Parma Ham มาให้เต็มที่
จานนี้ขาหมูรมควัน

ไส้กรอกรวม ขาหมู ก็ดี แต่น้าจ้อยชอบขนมปังอุ่นร้อนๆ ที่เค้าให้โต๊ะละตะกร้าเล็กๆที่สุด (ไม่ย้อม ถ้ามาสองคนก็ได้ตะกร้าเท่ากันรึเปล่า พอเราติดใจสั่งเพิ่ม คิดตังค์เราด้วยง่ะ) เนยครีมที่ให้มาทาขนมปังก็อร่อยจริงๆ

บรรยากาศสวยงามยามเช้า (อันที่จริงสายแล้ว)
เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นกันสบายๆ เรียกรถรับส่งแขกโรงแรมมารับไปกินอาหารเช้าที่บ้านหลังที่เป็นห้องอาหารของโรงแรม สถานที่ไม่สวยงามเอาซะเลย นั่งกันอย่างกับงานเลี้ยงโต๊ะจีนนครปฐมผสมโรงอาหาร นั่งโต๊ะกลมโต๊ะละ 10 คน เราต้องไปนั่งกับคนไม่รู้จัก อาหารก็มีไม่กี่อย่าง เรากินขนมปังปิ้งกับไข่ดาวและแฮม ทำเป็น Sandwich ไปเลย ปาท่องโก๋นมข้นก็มี เอาปาท่องโก๋ไปอุ่นด้วยเครื่องปิ้งขนมปัง ออกมาค่อยกรอบอร่อยขึ้นหน่อย
มีตู้กาแฟให้กด เลือกได้ว่าจะกิน Espresso, Latte, ชานม, … สนุกดี

Check-out ตอน 10โมง เพราะป้าเจื้อยมีภารกิจที่กรุงเทพ จะได้ถึงกรุงเทพไม่ช้าเกินไป

ป้าเจื้อยบอกว่าแถวๆตรงข้ามจุลดิศ มีน้อยหน่าอร่อยมาก(คุณยายคอนเฟิร์ม จากที่ป้าเจื้อยซื้อไปฝากคราวที่แล้ว) แต่วันนี้ร้านนี้ไม่มาขาย เดาว่าหยุดวันอาทิตย์ เลยซื้อแผงอื่นที่วางขายอยู่ริมถนนธนะรัชต์แทน มีแบบ 3 โลร้อย และแบบโลละ 40  กลับถึงกรุงเทพ คุณยายกินแล้วบอกว่าเค้าหลอกขายเราแน่เลย เราจะเอาน้อยหน่าเนื้อ นี่ให้น้อยหน่าหนังเรามาล่ะสิท่า

แวะศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ “ไร่สุวรรณ” ริมถนนมิตรภาพ จุดสังเกตคือผ่านฟาร์มโชคชัยมาไม่ไกล จะเห็นรั้วข้างบนโปร่งข้างล่างทึบ ส่วนที่ทึบทาสีแดง (ณ เดือนก.ย.54 - ไม่รู้ต่อไปจะทาสีอื่นรึเปล่า) หน้าประตูทางเข้ามีสัญลักษณ์ข้าวโพดฝักยักษ์ตั้งเด่นเป็นสง่า ร้านขายของ "Suwan Farm's Sweet Corn" มีผลิตภัณฑ์พืชผักขายเยอะดี ทั้งแบบสดๆ และแบบแปรรูปแล้ว ชาใบหม่อน(ไม่เห็นแบบซองๆ เลยไม่ได้ซื้อมา) มะตูมอบแห้ง (40 บาท) น้ำองุ่นแช่เย็น (ขวดละ 25 บาทเอง อร่อยเชียว) น้ำกีวี ผัก ผลไม้ มีน้ำมันมะพร้าวแบบเอาไว้ทาผิวชนิดชวดปั๊มด้วย ขวด 1 ลิตร 500 บาท ถูกกว่าที่กรุงเทพ

แคร้กเกอร์ไส้องุ่น ถุงละ 50 บาท (คุณยายบอกไม่อร่อย!)
ที่ขายดีสุดน่าจะเป็นน้ำข้าวโพด (คนยืนเข้าแถวรอกันอย่างเป็นระเบียบเชียว เอากล่องโฟมใบเบ้อเริ่มมาใส่น้ำข้าวโพดกลับบ้านด้วย – เราก็อยากชิมนะ แต่อดทนรอไม่ไหว) กับข้าวโพดต้มร้อนๆหวานกรอบอร่อย

เอาล่ะ ข้าวของเต็มท้ายรถแล้ว กลับกรุงเทพได้!

วันหลังพายายไปเที่ยวอีกนะจ๊ะ !
P.S. รูปถ่ายมุมมองเก๋ๆ เป็นฝีมือหลานกล้องหลานทั้งน้าน น้าขอยืมมาประกอบเรื่องหน่อยนะ แต๊งกิ้ว!

ครัวเขาใหญ่ โทร. 089-624-1937
The Smoke House (บ้านรมควัน) โทร. 044-365-222
Chateau de Khao Yai โทร. 044-929-929

1 comment:

depudd said...

ชอบๆ ผมว่าถ้าพี่จ้อยหา -likable เจอนะ จะมีคนมากด like อีกเพียบ